เปิดรายชื่อหุ้นรับแรงกระแทก!
จากนโยบาย “เพื่อไทย” อุ้มประชาชน

.
หลายนโยบายของรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำได้ประกาศออกมา เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น นโยบาย Digital Wallet 10,000 บาท การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570 กำหนดนโยบายเงินเดือนคนจบปริญญาตรี เริ่มต้นที่ 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี 2570
.
รวมทั้งการหาทางเพิ่มราคาพืชผลเกษตร นโยบายกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ นโยบายลดค่าครองชีพประชาชน ในภาคขนส่งสาธารณะ "รถไฟฟ้า" ให้เหลือ 20 บาทตลอดสาย รวมทั้งลดราคาน้ำมัน แก๊ส และไฟฟ้าทันที เป็นต้น ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น จากพรรคเพื่อไทยที่ได้ประกาศเมื่อตอนหาเสียงเลือกตั้ง
.
อย่างไรก็ตามนโยบายต่างๆ ที่ได้ประกาศออกมา ต้องจับตาดูว่า จะเกิดขึ้นจริงได้มากน้อยแค่ไหน และในแวดวงตลาดทุน จะมีหุ้นกลุ่มไหนได้รับผลบวก และผลลบกันบ้าง โดยในครั้งนี้ Wealthy Thai ได้รวบรวมหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบด้านลบจากนโยบายเพื่อไทย ซึ่งจะเป็นนโยบายไหน และหุ้นอะไร บทความนี้มีคำตอบแล้ว
.
หากถอดมุมมองนักวิเคราะห์ ซึ่งนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ประเมินประเด็นความคืบหน้าการของเมืองไทย โดยมีความเห็นว่า มองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย จากความคืบหน้าทางการเมืองและความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ในเร็วๆ นี้ โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการผลักดันนโยบายและขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการลงทุนและการบริโภค รวมถึงจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของการจับจ่ายใช้สอย, การลงทุนของเอกชนและต่างชาติมากขึ้น
.
อย่างไรก็ตามในมุมของหุ้นที่จะได้รับผลกระทบจากนโยบายเพื่อไทย ประกอบด้วย
.
1.เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600 บาท/วัน ภายในปี 70 โดยทยอยเพิ่มจนถึง 600 บาท จากปัจจุบันที่สูงสุด 354 บาท/วัน มองเป็นลบกับ STEC, SEAFCO, PYLON, CK ต้นทุนค่าแรงเพิ่ม รวมทั้ง ERW, CENTEL, MINT, SPA ค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่ม
.
2.ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 25,000 บาท ภายในปี 70 มองเป็นลบกับ KBANK เพราะประเมินว่า ธุรกิจ SME จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถในการจ่ายชำระหนี้ลดลง
.
3.ลดราคาน้ำมันแก๊ส และไฟฟ้าทันที โดยเร่งเจรจาพื้นที่ทับซ้อนเพื่อเพิ่มแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีราคาถูก รวมทั้งสนับสนุนพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือก ซึ่งมองเป็นลบกับ GPSC, BGRIM, GULF รัฐอาจมีการพิจารณาปรับลดค่า Ft ลง และ PTT, PTTEP ราคาขายก๊าซ (เช่น LPG) ต่ำลง
.
4.เงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ไม่ต้องมีค้ำประกัน โดยอายุ 20 ปีขึ้นไป มีวงเงินกู้ฉุกเฉินคนละ 50,000 บาท ใช้ในกรณีฉุกเฉิน เป็นทุนประกอบอาชีพ หรือจ่ายหนี้นอกระบบ มองจะกระทบกับ SAWAD, MTC, TIDLOR เป็นลบกับ loan growth
.
5.รถเมล์ไฟฟ้าค่าโดยสาร 10-40 บาท โดยเปลี่ยนรถขนส่งสาธารณะเป็นรถไฟฟ้า (EV) รวมทั้ง ค่าโดยสารเริ่มต้น 10 บาท สูงสุด 40 บาท ทุกเที่ยว ทุกสาย ตลอดวัน มองกระทบกับ OR, PTG, BCP, PTT ปริมาณการใช้น้ำมัน, LPG, NGV อาจจะลดลง
.
6.ศูนย์ฉายรังสีมะเร็ง และฟอกไตฟรี โดยตั้งศูนย์ฉายรังสีโรคมะเร็งฟรี 1 จังหวัด 1 ศูนย์ ตั้งศูนย์ฟอกไตฟรี 1 เขต 1 ศูนย์ ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยและญาติ มองเป็นลบกับ BCH, CHG, EKH รายได้จากการการฉายรังสีและฟอกไตลดลง หากรัฐจัดตั้งศูนย์รักษาเอง