SAWAD จับ SCAP ควบรวม BFIT พร้อมคืนใบอนุญาตธุรกิจเงินทุน

บริษัท ศรีสวัสดิ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ SAWAD แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติ พิจารณาอนุมัติให้บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จํากัด (มหาชน) หรือ BFIT ซึ่งเป็นบริษัทย่อย (บริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน BFIT ถือหุ้นในสัดส่วน 81.64%) คืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุน เลขที่ 8/2516 ซึ่งครอบคลุมการประกอบธุรกิจเงินทุน 4 ประเภท และเลิกประกอบธุรกิจเงินทุนดังกล่าว ได้แก่ กิจการเงินทุนเพื่อการพาณิชย์ ,กิจการเงินทุนเพื่อการพัฒนา,กิจการเงินทุนเพื่อการจําหน่ายและการบริโภค และกิจการเงินทุนเพื่อการเคหะ
.
โดยการคืนใบอนุญาตดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับ (1) การได้รับมติอนุมัติให้คืนใบอนุญาตจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ BFIT และ (2) การได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
.
ในเบื้องต้น บริษัทฯ คาดว่า BFIT จะดําเนินการดังกล่าวแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 65 ทังนี้ เนืองด้วยสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน BFIT ได้ชะลอการปล่อยสินเชื่อและมีความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อเป็นอย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบให้นโยบายในการดําเนินธุรกิจในอนาคตของกลุ่มบริษัทฯ มีความไม่คล่องตัว จึงทําให้ต้องมีการพิจารณานโยบายในการดําเนินธุรกิจให้ชัดเจน เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มบริษัทฯ ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) ของกลุ่มบริษัทฯ โดย BFIT มีความประสงค์จะคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุน
.
ซึ่งหากการคืนใบอนุญาตดังกล่าวแล้วเสร็จ BFIT มีแผนจะประกอบธุรกิจ (1) ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) แก่บุคคลรายย่อยทั่วไปทีต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่จากผู้จัดจําหน่าย (Dealers) โดยกรรมสิทธิในทรัพย์สินดังกล่าวจะโอนให้แก่ผู้เช่าซือ เมือผู้เช่าซื้อจ่ายค่างวดครบถ้วนตามสัญญา และ (2) ให้บริการสินเชือส่วนบุคคลภายใต้การกํากับของ ธปท. ซึ่งเป็นสินเชือที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นพนักงานประจําที่มีรายได้ที่มั่นคงและแน่นอน
.
ทั้งนี้ แผนการประกอบธุรกิจใหม่ของ BFIT ดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับการได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกํากับจากธปท. และความสําเร็จในการเข้าทําธุรกรรม
.
นอกจากนี้เห็นชอบให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯ (1) จําหน่ายหุ้นสามัญของ SCAP ทีบริษัทฯ ถืออยู่ทั้งหมด จํานวน 39,000,000 หุ้น มูลค่าทีตราไว้หุ้นละ 5 บาท คิดเป็น 65% ของจํานวนหุ้นทีออกและชําระแล้วทังหมดของ SCAP ในราคาหุ้นละ 300 บาท รวมมูลค่ารายการ 11,700 ล้านบาท ให้แก่ BFIT
.
โดย BFIT จะออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บริษัทฯ ในลักษณะการจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) เป็นค่าตอบแทน
.
สําหรับหุ้น SCAP ดังกล่าวแทนการชําระด้วยเงินสด และ (2) เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BFIT จํานวน 487,500,000 หุ้น มูลค่าทีตราไว้หุ้นละ 5 บาท ในราคาหุ้นละ 24.00 บาท โดยปัจจุบัน บริษัทฯ ถือหุ้นจํานวนร้อยละ 81.64 ของสิทธิออกเสียงทังหมดใน BFIT
.
ภายหลังจากกระบวนการดังกล่าวดําเนินการแล้วเสร็จ สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ จะลดลงเป็น72.05% ของสิทธิออกเสียงทังหมดใน BFIT รวมมูลค่ารายการได้มาซึ่งหุ้นสามัญเพิมทุน 11,700 ล้านบาท (ธุรกรรมการแลกหุ้น) และอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงนามในสัญญาทีเกียวข้องกับธุรกรรมการแลกหุ้นแบบมีเงื่อนไขบังคับก่อนธุรกรรมการแลกหุ้นข้างต้นและธุรกรรมการได้หุ้น 35% ผ่าน BFIT จะเกิดขึ้นต่อเมือเงื่อนไขบังคับก่อนตามที่จะระบุไว้ในสัญญาที่เกียวข้องกับธุรกรรมการแลกหุ้นและธุรกรรมการได้หุ้น 35% ผ่าน BFIT ครบถ้วนสมบูรณ์
.
ในเบื้องต้น บริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมการแลกหุ้นจะดําเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 65 หากเงื่อนไขต่าง ๆ ทุกข้อบรรลุเป็นผลสําเร็จ โดยภายหลังธุรกรรมการแลกหุ้นแล้วเสร็จ BFIT มีแผนจะรวมธุรกิจโดยการรับโอนกิจการทังหมด ของ SCAP มาเป็นของ BFIT
.
นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยว่า บริษัทฯตระหนักถึงการประกอบกิจการเพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมองภาพการพัฒนาธุรกิจแบบองค์รวม ไม่พึ่งพิงเพียงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง และได้ทำการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง
.
ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาอนุมัติให้บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) (BFIT) คืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุนที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้เกิดความคล่องตัวของธุรกิจและขยายกิจการได้มากขึ้น โดยมีแผนจะประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) แก่บุคคลรายย่อยทั่วไปที่ต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่จากผู้จัดจำหน่าย และธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของ ธปท.
.
โดยบริษัทฯจะทำการจำหน่ายหุ้นสามัญของ SCAP ที่บริษัทถืออยู่ทั้งหมด จำนวน 39,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท คิดเป็น 65% ให้แก่ BFIT โดยการออกหุ้นใหม่ของ BFIT เพื่อแลกกับหุ้นของ SCAP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ
.
ก้าวสำคัญในการควบรวมธุรกิจครั้งนี้ของ BFIT และ SCAP เป็นส่วนหนึ่งในแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อผลักดัน SCAP ที่ดูแลธุรกิจด้านสินเชื่อซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและโดดเด่นได้ดำเนินธุรกิจอย่างคล่องตัว โดยจะขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น SAWAD และ BFIT ในการควบรวมกิจการช่วงเดือน มิ.ย.นี้ และเมื่อผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติ บริษัทฯจะดำเนินการสวอปหุ้นตามแผน คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 65 โดยโครงสร้างใหม่จะทำให้เกิดการแยกธุรกิจอย่างชัดเจน โดย SAWAD จะดูแลธุรกิจจำนำเป็นหลัก ส่วน BFIT จะรุกธุรกิจด้านสินเชื่ออื่นๆ อาทิ ธุรกิจเช่าซื้อทุกประเภทแบบครบวงจร และ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
.
นายธิติธรรม โรจนพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการได้อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด 100% ในบริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด (SCAP) จาก SAWAD ในสัดส่วน 65% ,นายวิชิต พยุหนาวีชัย ผู้บริหาร SCAP และกรรมการของ SAWAD ในสัดส่วน 10% รวมทั้งผู้ถือหุ้นรายอื่นของ SCAP อีกจำนวน 9 ราย ในสัดส่วน 25% โดยอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นของ SCAP แบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน
.
สำหรับการเข้าซื้อหุ้นของ SCAP เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างการประกอบธุรกิจของกลุ่ม SAWAD ซึ่ง SCAP ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ซึ่งหากเข้าซื้อ SCAP เป็นผลสำเร็จ จะเกิดการควบรวมกิจการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีขององค์กร โดยผู้ถือหุ้น BFIT จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากศักยภาพของบริษัทฯที่จะเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด ธุรกิจของSCAP ในปัจจุบันและอนาคตมีอัตราการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด และเป็นธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์และมีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งนี้ได้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 มิถุนายน 2565 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้
.
นายวิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ SCAP เปิดเผยว่า การควบรวมกิจการดังกล่าว ส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นที่จะได้รับผลประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากบริษัทฯอยู่ในระยะการเติบโตอย่างก้าวกระโดด สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ยอดสินเชื่อใหม่รวมของทั้งบริษัทฯที่ปล่อยได้ในไตรมาสแรกของปี 2565 เติบโตมากกว่า 157 % เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว และเติบโตกว่า 79% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 64 สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้างเมื่อการควบรวมกับ BFIT แล้วเสร็จ
.
โครงสร้างองค์กรและประเภทธุรกิจที่ชัดเจนพร้อมเงินทุนที่มีอยู่จำนวนมากจะเป็นการเสริมศักยภาพการทำกำไรที่ดีเยี่ยม ส่งเสริมให้องค์กรมีประสิทธิภาพสูงสุด การควบรวมกิจการนี้จะเป็นก้าวย่างที่สำคัญอีกครั้งของ BFIT ที่จะผลักดันให้ BFIT เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อชั้นนำระดับประเทศ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นทันทีที่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น SAWAD และ BFIT ในช่วงเดือนมิ.ย. นี้ และธปท. รับคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุนของ BFIT
