วิกฤตเบี้ยวหนี้อสังหาฯจีน จะเป็นวิกฤตต้มยำกุ้ง และวิกฤตเศรษฐกิจ?
.
ถามอีกกับดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร บิดานักลงทุนหุ้นคุณค่าไทย
.
โดย อิก บรรพต ธนาเพิ่มสุข, AFPT ที่ปรึกษาการเงิน
สรุปโดย Fun Manager
Source :
===================
.
- ดร.นิเวศน์ไม่กังเวล เพราะคนข้างในเห็นสัญญาณมาเป็นปีๆ
- Market Cap 1.8ล้านล้าน ไปเยอะมาก จากราคา 30 ลงมาไม่ถึง3 HKD
- สุดท้ายมองว่าบริษัทน่าจะล้มลาย แล้วค่อยใช้คืนหนี้ไป
- หนี้ปัจจุบัน 10 ล้านล้าน ยอดขาย 2 ล้านล้านๆ กำไร แสนล้าน
- P/E 1.8x Div Yield 7%
.
- การมีหนี้มาก อันตราย และอาจล้มละลายโดยไม่รู้ตัว
- Evergrande มียอดขายอสังหา อันดับ 2 ของจีน แต่เมื่อไปดูตัวเลขอันดับอื่นๆๆ มียอดขายเยอะเช่นเดียวกัน (แต่หนี้ไม่มากเท่า) P/E ต่ำเช่นกัน ปันผล 5-7%
- อันดับ 1 มี 2.7 ล้านล้าน อันดับ 2 2.6 ล้านล้าน อันดับ 3 ก็ใกล้ๆ
.
- พฤติกรรมราคาก็ใกล้ๆกัน คล้ายอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย นิ่งมาตลอดเกือบ 10 ปี จนกระทั่ง 4 ปีก่อน ราคาพุ่ง 10 เด้งภายในเวลา ไม่กี่เดือน อีกบริษัท 5 เด้ง เพราะภาพอาจเปลี่ยน คนมองว่าภาพอาจไม่ร้ายอย่างที่คิด.
.
- จีนมีการสร้างอสังหา 30% ของ GDP แต่สร้างแล้วไม่มีคนมาอยู่ มาใช้ และ Bubble แต่ก็ยังไม่แตก เพราะคนพร้อมจะนำเงินไปซื้ออสังหา เพราะคนรายได้โตเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีเงินผ่อนเรื่อยๆ ราคาก็ไม่ลง
.
- หลังจากนั้นราคา Sideway down หมดรอบไม่มีคนตาม พยายามค้ำราคาหุ้น ไม่ให้ร่วงแรงมาก >>> 3-4 ปีผ่านไปก็ปรับลงมามาก
- และหลังโควิดก็ปรับลงมาอีก แม้มีรีบาวด์บ้างแต่ก็ลงมาต่อ
- อันดับ 1 กับ 3 ก็มี Market cap ลงมาเยอะ แต่ก็ยังมีมูลค่ามาก ปรับตัวลงมา 20-30% ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา
.
- นาทีนี้มีแต่รัฐบาลจีนที่อุ้มได้
- สิ่งสำคัญ คือ สภาพคล่อง >>> แบบปี 40 ที่ Property พุ่งช่วง ปี 38-39 บ้านบูมมาก และใช้เงินจากเมืองนอก เพราะกู้เงินบาท มีดอกเบี้ย 8-10% (กู้ USD เสียดอก 4-5%)
- อัตราแลกเปลี่ยน Fixed คนก็กู้มาก จนเริ่มมีปัญหา Property ไปก่อน คนเอาเงินคืน แต่คนคิดว่า กลุ่มอื่นไม่น่าจะโดนด้วย
- แต่เมื่อค่าเงินบาทลอยตัว ยุคนั้นกู้เยอะมาก มีหนี้มาก แต่รอบนี้ Liquidity เพียบ (ปี 40 ราคาอสังหาลงมา 30-40%) ซึ่งจีนมีคนรอซื้อเยอะ
.
- ในไทยมีเจ้านึง ไฮเอนด์ ลดราคา 20% กำไรปีนี้ไม่มี แต่ขายของได้ ยอมเจ็บ ขอมี cash เพื่อให้รอด ดังนั้นมองว่า evergrande น่าจะล้ม และไม่น่าจะ effect ไปทั่ว
- แต่ผลกระทบต่อธนาคารก็มี แต่ธนาคารจีนใหญ่พอ มีการกระจายความเสี่ยง สถาะคล่องเยอะ ไม่น่าทำให้ล้ม
.
- แบงก์มีหน้าที่อะลุ้มอะล่วยหนี้ ต่างจากหุ้นกู้ ถ้าไม่ชำระก็ Default .
- บริษัท evergrande ยังมีหลายธุรกิจ สร้างภาพ ใกล้ชิดประชาชน ทีมฟุตบอล ThemePark รถยนต์ไฟฟ้า โรงพยาบาล โดยโตไวๆ เล่นหลายธุรกิจ กู้มาซื้อ
.
- ดังนั้นสรุปว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ลาม แต่กลุ่มอื่นก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย และรัฐบาลจะเข้ามาช่วยให้มั่นใจว่าจะไม่ลาม ช่วยแบบอ้อมๆ เช่น คุยผ่านแบงก์
.
- ตอน Subprime ของ US ใช้ธุรกรรมซับซ้อน ดูเหมือนหนี้ไม่เยอะ แต่จริงๆหนี้เยอะมาก Leverage มี Gearing 5-10 เท่า
.
- ช่วงที่ทุกอย่างบูม คนจะขอสินเชื่อกันมาก แล้วแข่งขัน เร่งเติบโต ซึ่งบริษัทที่กู้เงินจะเขียนโปรเจคให้ดูสวยๆ งบดีๆ ไปกู้ และถ้าบริษัทไม่รอดก็จัดการกันต่อเอง เพราะถึงเจ๊งก็ยังมีอีกหลายโครงการ
- Credit Rating ก็ไม่กล้าให้เกรดแย่ๆ
.
- ทุกวิกฤต เกิดจากสภาพคล่องที่ไม่มี โดยในปี 1929 คนไม่รู้จักสภาพคล่อง คนมีแต่ทองคำซึ่งหาได้ไม่ง่าย ไม่มีเงิน ทำให้เจ๊ง เงินหายไปอีก แต่ตอนหลังมีการพิมพ์เงินได้เอง แต่สภาพคล่องก็หายได้ เพราะเกิดจากสถาบันการเงิน leverage เงินเพิ่ม จากการปล่อยกู้ เงินที่รับฝากมา
- ดีในขาขึ้น แต่ในขาลง เงินหาย แสนล้าน เหมือนเงินกู้หายไปหลายแสนล้าน
- ถ้าเกิดเงินเฟ้อแรงๆ จะหนัก คนไม่เกี่ยวเจ๊งหมด มักเกิดในประเทศกำลังพัฒนา
- US มี USD พิมพ์เงินออกมาก็ยังมีค่าอยู่ ซึ่งคนทุกคนต้องเก็บต้องใช้
.
- ซึ่งธุรกิจต่างๆของ Evergrande ก็ขาดทุนหลายธุรกิจ แต่อสังหายังพอขายได้นะ สุดท้ายน่าจะล้มแหละ จีนไม่อุ้ม บริษัทอื่นน่าจะไม่ได้รับผลกระทบมาก
- ทางการจีนก็น่าจะรีบเข้ามาดูว่าช่วยเหลือทางไหนได้บ้างในทางอ้อม (ไม่ใช่ทางตรง) เพราะไม่มีใครอยากยึดสินทรัพย์ ขายต่อ หรือปล่อยให้เจ๊ง
.
- ตลาดหุ้นมัน Efficient ดังนั้นตลาดรู้ว่า มีความลับซ่อนอะไร หุ้นอสังหาถึงไม่ขึ้นมาหลายปี เพราะเห็นว่าสร้างมาก็ไม่มีใครมาอยู่
.
- หุ้น Property ราคาถูกมาก Market Cap น้อย แต่ยอดขายสูง แต่ไม่ได้เข้าไปซื้อเพราะ D/E สูง 2-3x ไม่ใช่ธุรกิจที่ Growth แล้วเก็บเงินได้
.
- มองว่าเงินต้น 10 ล้านล้าน ดอกเบี้ย 4% >> 4 แสนล้าน - -" (กำไรแสนล้าน)
- ถ้าเป็นธุรกิจ Commo ถ้ามีหนี้เยอะก็ไม่เจ๊ง เพราะเงินเข้าทุกวัน แต่ถ้าเป็นอสังหา เงินไมได้เข้าทุกวัน
- พวกธุรกิจเก่าในปี 2540 มองออกว่า ช่วงนี้อย่าบุกธุรกิจมากเดี๋ยวไม่รอด และ D/E 4-5x ถือว่าอันตรายในช่วงที่สะดุด อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวธุรกิจ เช่น ผู้บริหารมีปัญหาทางกม. คนปล่อยหนี้ขอคืน >>> สถาบันการเงิน sensitive
.
#คำถาม
.
- หุ้นจีนลงมาเยอะ ควรเข้าไปซื้อไหม หรือรอ
>>> ถ้าเข้าจีน ต้องมั่นใจเรื่อง Regulatory Risk ว่าจะกระทบมากแค่ไหน
>>> พวกที่หุ้นขึ้นเยอะๆมักเป็น Monopoly แล้วโดนเข้าไป ราคาปรับลง
>>> ระบบจีนเป็นเผด็จการ ตัดสินทุกอย่างโดยไม่สนใจ
>>> #ขอรอดูดีกว่า
>>> โดยสี จิ้นผิง มีอำนาจมาก เห็นคนรวยมากไม่ได้ ต้องจัดการ
>>> แต่ตะวันตกแตกต่างออกไป
>>> มองว่าหุ้นจีนลงมานี้ ไม่ได้ลงมาเยอะ แต่แค่ขึ้นไปสูง แล้วปรับลงมา
.
- อสังหาเวียดนาม จะมีโอกาสเจอกรณีแบบนี้เหมือนจีนไหม
>>> เวียดนามไม่ค่อยมีหนี้
>>> อสังหาเทียบประชากร ยังถือว่าน้อย เพราะคนยังจน ซักวันต้องขยาย
>>> VINHOME บริษัท Property เวียดนามที่ใหญ่ที่สุด MarketCap 5 แสน
>>> แต่ไม่กล้าซื้อเพราะวันนึงจะอิ่มตัว
>>> ดังนั้นนาทีนี้ไม่เห็นปัญหาของ Property ในเวียดนามเพราะหนี้น้อย
.
- กรณี Evergrande จะส่งผลต่อประเทศอื่นไหม
>>> ไม่น่าเกิดเพราะจีนน่าจะควบคุมได้
>>> ถ้าแบงก์ไม่เจ๊ง ไม่น่าจะมีปัญหา และถ้า Property มีปัญหา จะส่งผลในระดับ Local เท่านั้น
>>> แต่ถ้าออกไปจะเป็นเรื่อง sentiment เชิงลบไปด้วย
>>> แต่คงไม่มองว่า จะเป็นผลดีต่อ ASEAN และไทยก็คงไม่น่าจะได้รับผลกระทบเช่นกัน
.
ฝากไว้ว่า บริษัทที่โปรโมทตัวเองเยอะ ขยายงานเยอะ นอกความถนัดของตัวเอง >>> มองว่าเป็นการสร้าง Story
นักลงทุนต้อง Skeptical ไม่เชื่อ อย่ามายั่ว
ต้องระวัง ฝึกสังเกต และตั้งข้อสงสัย
.
ขอบคุณข้อมูลจาก Niwes Hemvachiravarakorn ครับ
และขอขอบคุณ ถามอีก กับอิก Tam-Eig ครับ
.
====================
ขอให้โชคดีในการลงทุน และสนุกสนานกับการเรียนรู้ครับ
จิรภัทร โบสุวรรณ CFP®