ห้องเม่าปีกเหล็ก

โบรกคาด ‘กลุ่มปตท.’ ผลงานฟื้น

โดย POWER
เผยแพร่ :
68 views

โบรกคาด ‘กลุ่มปตท.’ ผลงานฟื้น ไตรมาส 4 ปี 68 รับช่วงไฮซีซัน-ราคาน้ำมันนิ่ง

 

  • นักวิเคราะห์ประเมินว่าผลการดำเนินงานกลุ่ม ปตท. ในไตรมาส 4 ปี 2568 จะฟื้นตัวอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวและความเสี่ยงด้านนโยบายที่ลดลง
  • บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ชี้ว่าราคาน้ำมันที่นิ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้าน "ขาดทุนสต็อก" ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการฟื้นตัว
  • ไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซัน ประกอบกับราคาน้ำมันที่ไม่ผันผวนมาก ทำให้ค่าการตลาดอยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลบวกต่อผลประกอบการของ OR
  • PTTEP และ OR ถูกมองว่าเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการฟื้นตัว โดย PTTEP มีปริมาณขายเพิ่มขึ้นและรับรู้รายได้จากแหล่งผลิตใหม่เต็มไตรมาส
  • บล.กสิกรไทย แนะเน้นลงทุนไปยัง "กลุ่มโรงกลั่น" เนื่องจากค่าการกลั่นสิงคโปร์พุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นอย่าง TOP
  • PTT ในฐานะบริษัทแม่คาดว่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นตามบริษัทลูก และยังคงมีอัตราเงินปันผลที่น่าสนใจในระดับสูงประมาณ 6-7%

 

บริษัทย่อยใน “กลุ่มปตท.” ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 ออกมา ประกอบด้วย บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) , บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) , บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) , บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) , บมจ.ไทยออยล์ (TOP), และ บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เหลือเพียงบมจ. ปตท (PTT)

 

 

ดังนั้น ภาพรวม 3 เดือนสุดท้ายของปี 2568 “นักวิเคราะห์” ประเมินว่า ผลดำเนินงานกลุ่มปตท. จะฟื้นตัวเด่น หากเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2568 จากราคาน้ำมันที่ทรงตัว และปัจจัยเสี่ยงด้านนโยบายลดลง โดยมี PTTEP และ OR เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ขณะที่ PTT ในฐานะแม่มีโอกาสรับแรงหนุนตามผลประกอบการของบริษัทลูก และยังมีอัตราปันผลที่น่าสนใจในระดับสูง

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภาพรวมผลประกอบการกลุ่ม ปตท. ไตรมาส 4 ปี 2568 คาดจะเห็นการฟื้นตัวเทียบไตรมาส 3 ปี 2568 ที่อาจมีกำไรลดลงบ้างจากไตรมาสก่อน โดยหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่มน่าจะเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ปัจจัยสำคัญมาจากน้ำมันราคานิ่งและความเสี่ยงด้านนโยบายรัฐลดลง

โดยหุ้นที่คาดจะเห็นความชัดเจนการฟื้นตัวคือ PTTEP กำไรฟื้นตัวชัดเจนจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% จากไตรมาส 3 ปี 2568 และในไตรมาส 4 จะเริ่มเห็นผลเต็มที่การขายผลิตภัณฑ์จากแหล่งผลิต 2 แห่งในต่างประเทศ ซึ่งเริ่มขายในไตรมาส 3 ปี 2568 และปีนี้ PTTEP น่าจะไม่มีการตั้งสำรองด้อยค่าโครงการลงทุนก้อนใหญ่ ๆ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในบางปีที่ผ่านมา ทำให้ผลงานโดยรวมน่าจะดีขึ้นจากไตรมาส 3 ปี 2568 และมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลสูงประมาณ 6-7%

ส่วนไตรมาส 4 ปี 2568 จะเป็นช่วงเข้าสู่ High Season และราคาน้ำมันปีนี้ไม่ได้ผันผวนมาก ทำให้ค่าการตลาดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันอยู่ในระดับที่ไม่สูง ส่งผลให้ผลประกอบการกลุ่มสถานีบริการน้ำมันอย่าง OR คาดจะออกมาดีขึ้นได้

นอกจากนี้ PTT ในฐานะบริษัทแม่จะมีผลประกอบการที่ดีตามมา เมื่อภาพรวมบริษัทลูกดี คาดปัจจัยถ่วงจาก Stock Loss ของน้ำมันในกลุ่มโรงกลั่นน่าจะไม่เยอะมากจนกระทั่งมาถ่วง ปตท. ได้ เนื่องจากราคาน้ำมันคาดว่าจะอยู่ในกรอบที่ค่อนข้างนิ่ง และ PTT ยังจ่ายเงินปันผลได้สูง 6-7% เช่นกัน ส่วน TOP ผลประกอบการคาดจะดีแบบเรื่อย ๆ ปัจจัยเสี่ยงด้านนโยบายรัฐอยู่ในเกณฑ์ต่ำ

นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ภาพรวมของหุ้นกลุ่ม ปตท. มีการฟื้นตัวในช่วงเดียวกันปีก่อนสาเหตุหลักมาจากผลประกอบการที่อ่อนแอมากในไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว เนื่องจากปีที่แล้วราคาน้ำมันปรับตัวลงมาก ส่งผลให้เกิดการขาดทุนสต็อกน้ำมันค่อนข้างมาก ประกอบกับ PTTGC มีการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์เป็นจำนวนสูงถึงประมาณ 17,000 ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 3 ปีที่แล้วอ่อนแอมาก ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้งบการเงินของบริษัทส่วนใหญ่ในไตรมาส 3 ปี 2568 จึงฟื้นตัวขึ้น

ขณะที่ ในเชิงไตรมาสต่อไตรมาสนั้น ผลประกอบการส่วนใหญ่ฟื้นตัวเกือบทั้งหมดยกเว้น TOP ที่ไม่มีรายการพิเศษเข้ามา ส่วน PTT ผลประกอบการลดลงเล็กน้อยในเชิงไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของปริมาณก๊าซ และบริษัทลูกหลัก ๆ มีผลประกอบการลดลงประมาณ 6% ทำให้ PTT ลดลงตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม คาดไตรมาส 4 ปี 2568 นักลงทุนอาจจะต้องเน้นลงทุนกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากค่าการกลั่นสิงคโปร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 9.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฉะนั้นในเชิง Core Earning นั้น TOP และ SPRC มีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะ TOP จะได้รับประโยชน์เต็ม ๆ จากการที่โรงกลั่นมีการหยุด Shutdown ในขณะที่โรงกลั่นอื่นอาจมีการ Shutdown ทำให้ crack spread ปรับตัวสูงขึ้น

ขณะเดียวกัน PTT ในไตรมาส 4 ปี 2568 มีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทลูกที่มีผลประกอบการดีขึ้นเล็กน้อยได้แก่ PTTEP TOP และ OR ในขณะที่ PTTGC IRPC แย่ลง ส่วน GPSC น่าจะดีขึ้นเล็กน้อย โดยรวมแล้วผลประกอบการของบริษัทลูกอาจจะทรงตัว

 

ที่มา..  https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1207010

 


POWER