ห้องเม่าปีกเหล็ก

นักวิเคราะห์สแกน 6 หุ้นเด่น

โดย คริสตัล
เผยแพร่ :
240 views

นักวิเคราะห์สแกน 6 หุ้นเด่น

กำไรปี 66 โตแกร่ง...ไม่เกรงใจราคาหุ้น

.

 

ใกล้ช่วงสิ้นปีที่ถือเป็นเทศกาลของผู้บริโภคที่จะออกมาจับจ่ายใช้สอยอย่างคึกคัก ซึ่งสำหรับนักลงทุนไทยเองก็ถือเป็นช่วงที่จะเอาสะสมหุ้นตามธีมการลงทุนในปีถัดไปหรือตามกระแสของโลกที่จะเข้ามา แต่ด้วยการลงทุนที่มากมายและกระแสการลงทุนที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

.

ก็มีความจำเป็นที่จะนักลงทุนก็ต้องจับจังหวะซึ่งในวันนี้ทาง Wealthy Thai ได้มีคำแนะนำการลงทุนและหุ้นที่น่าสนใจมาแบ่งปันให้แก่ผู้อ่านและผู้ที่สนใจกันในครั้งนี้

.

โดยบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ได้ประเมินว่า GDP ไทย ณ สิ้นปี 2566 จะอยู่ที่ระดับ 10.98 ล้านล้านบาท เติบโต 3.8% ในปี 2566 ซึ่งเป็นภาวะเศรษฐกิจไทยจะกลับเข้าสู่ระดับก่อนเกิด Covid-19 ที่ระดับ 10.92 ล้านล้านบาท ซึ่งจะอยู่เหนือกว่าปี 2562 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่วนในปี 2565 จะเติบโตอยู่ที่ 3.2%

.

ทำให้คาดว่าจะมีหลายบริษัทที่กำไรในปี 2566 จะกลับเข้าสู่ระดับที่ใกล้เคียงหรือสูงกว่าปี 2562 ในขณะที่ราคาหรือมูลค่าบริษัทยังคงต่ำกว่าปี 2562 ซึ่งหากนำหุ้นใน SET INDEX ทั้งหมดมาสแกนหาหุ้นที่เข้าเกณฑ์ตามที่กำหนดขึ้นจะเห็นได้ว่าหุ้นที่ผ่านเกณฑ์ทั้งสิ้น 32 ตัว และสามารถหาช่องว่างในการทำกำไรในหุ้นกลุ่มดังกล่าว

.

สำหรับกำหนดเกณฑ์ในการสแกนหุ้นขั้นต้น ประกอบไปด้วย ราคาหุ้นจะต้องสูงกว่าระดับราคา ณ สิ้นปี 2562 ไม่เกิน 30% ,กำไรที่ตลาดคาดในปี 2566 จะต้องมากกว่ากำไรในปี 2562 ไม่น้อยกว่า 20% และกำไรในปี 2566 จะต้องสูงกว่ากำไรปี 2565 และเมื่อนำมาประกอบกับปัจจัยพื้นฐานจะมีหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ MTC, SAWAD, KBANK, TTB, PTTGC และ RATCH

.

โดยมีเหตุผลประกอบการตัดสินใจในการลงทุน MTC และ SAWAD ประเมินว่าในปี 2566 ธนาคารแห่งประเทศไทยจะขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ประกอบกับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอตัวลงของธนาคารกลางสหรัฐฯและมีโอกาสที่จะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2566

.

จะช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนทางการเงินของ MTC และ SAWAD ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวในอัตราเร่ง หนุนให้ลูกหนี้มีความสามารถในการชำระคืนหนี้ได้มากขึ้นและจะทำให้การตั้งสำรองในปี 2566 ผ่อนคลายลง

.

ขณะที่ KBANK และ TTB ประเมินว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับการลงทุนภาคเอกชนที่เราคาดว่าจะเป็นฟันเฟืองสำคัญของการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2566 ซึ่งจะหนุนให้อัตราการปล่อยสินเชื่อภาคธุรกิจสูงขึ้น

.

ส่วน PTTGC ประเมินว่าการเปิดประเทศของจีนจะช่วยหนุนให้ความต้องการสินค้าปิโตรเคมีสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนต่างปิโตรเคมีฟื้นตัวและหนุนกำไรของ PTTGC ขณะที่ผลประกอบการในปี 2566 จะไม่มีการขาดทุนจากการ Hedging จำนวนมากเหมือนปี 2565 และแผนการปิดซ่อมบำรุงที่ลดลงจะช่วยหนุนให้กำไรกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

.

ทั้งนี้ RATCH ในปี 2566 กำไรปกติของบริษัทจะกลับเข้าสู่วัฎจักรของการเติบโตอีกครั้ง โดยคาดว่าจะเติบโตจากปีก่อนหน้าราว 70% โดยประมาณการดังกล่าวมีอัพไซต์ที่ยังไม่รวมการเข้าประมูลขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ของ กกพ. ที่ RATCH มีการยื่นเสนอขายไฟฟ้ารวม 500 เมกะวัตต์

 

 


คริสตัล