ห้องเม่าปีกเหล็ก

อนาคต PTT กับความหวัง OR

โดย 98 Degree
เผยแพร่ :
69 views

อนาคต PTT กลางราคาน้ำมันถูก กับความหวัง OR สร้างความคึกคัก

ทิศทางราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นโดยได้แรงหนุนจากคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือ "โอเปกพลัส" ได้ประชุมร่วมกันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และที่ประชุมมีมติเห็นพ้องที่จะให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต และให้คำมั่นว่าจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับประเทศสมาชิกที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง


ทั้งนี้ในการประชุมดังกล่าว ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งมติดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนส.ค. ไปจนถึงสิ้นปี 2563 โดย สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 41.11 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 10.1% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 43.15 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เพิ่มขึ้น 8.3% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา


ด้านโกลด์แมน แซคส์ ได้ประเมินว่า ตลาดน้ำมันจะประสบภาวะขาดแคลนน้ำมันราว 3 ล้านบาร์เรล/วันในไตรมาส 4/2563 และได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาน้ำมันดิบเบรนท์ขึ้นสู่ระดับ 49 ดอลลาร์ในช่วงปลายปีนี้ และ 65 ดอลลาร์ภายในไตรมาส 3 ของปี 64


จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในหุ้นที่จะได้รับผลบวกคงหนีไม่พ้น บริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้นไทย อย่าง PTT หรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับน้ำมันโดยตรง โดยโครงสร้างของการดำเนินธุรกิจ PTT จะแบ่งออกเป็นสัดส่วน ดังนี้


ดำเนินภายใต้ PTT เอง แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม ขณะที่ธุรกิจที่ลงทุนผ่านบริษัทในกลุ่ม คือ ธุรกิจสำรวจและผลิต ธุรกิจน้ำมัน และค้าปลีก ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น สุดท้ายธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภค


ล่าสุด PTT รายงานตลาดตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 63 เท่ากับ 0.18 บาท/หุ้น โดยจะจ่ายจากกำไรสะสม กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD คือ 30 ก.ย.63  และจ่ายเงินปันผลวันที่ 16 ต.ค.63


คำกล่าวของ นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด ได้ฉายภาพกับ Wealthy Thai ว่า PTT เหมาะกับการลงทุนระยะกลาง มากกว่าที่จะลงทุนระยะยาวแบบ 10 ปีเหมือนในอดีตที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่า พลังงานในประเทศไทยอาจถึงจุดอิ่มตัว โดยการเติบโตส่วนใหญ่เป็นการขยายไปยังตลาดต่างประเทศ รวมทั้งความต้องการใช้พลังงานในอนาคตยังมีความไม่แน่นอน


ทั้งนี้บางสำนักประเมินว่า ความต้องการใช้น้ำมันดิบอาจจะถึงจุดสูงสุดในช่วง 10-15 ปี เป็นอย่างน้อย แต่บางสำนักมองว่าจุดสูงสุดอาจจะผ่านมาแล้วในปี 2562 หลังจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้พลังงานมีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนไปด้วย


โดยการที่ PTT มีบริษัทย่อยในกลุ่มพลังงานเป็นส่วนใหญ่ จึงหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงไม่พ้น ซึ่งโครงสร้างของ PTT ในสัดส่วน 40% เป็นโรงแยกก๊าซ 20% เป็นปิโตรเคมี 20% เป็นโรงกลั่น และอีก 20% เป็นธุรกิจต้นน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าในสัดส่วน 60% ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี แต่ในกลุ่มของโรงกลั่น และธุรกิจต้นน้ำ อาจจะอยู่ในจุดเสมอตัว หรือ มีความเสี่ยงในระยะกลาง ดังนั้นปัจจุบันเรายังมองว่า PTT ยังมีความน่าสนใจอยู่ แต่ไม่เหมาะกับถือยาวๆ เป็น 10 ปีเหมือนในอดีตที่ผ่านมา  โดย PTT เป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง รวมทั้งปันผลยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วย


“ให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มพลังงานของไทยเป็น Neutral โดยหุ้นเด่นเป็น PTT (ราคาพื้นฐาน 43 บาท) ซึ่งมีการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจสูงและมีปัจจัยกระตุ้นจากการนำ OR เข้าจดทะเบียนในตลาด นอกจากนั้นยังชอบธุรกิจโรงไฟฟ้าซึ่งในครึ่งปีหลัง 63 ได้ประโยชน์จากความต้องการใช้ไฟฟ้าฟื้นตัว หลังลงไปต่ำสุดในไตรมาส 2/63 และต้นทุนก๊าซต่ำ หุ้นเด่นคือ GPSC (ราคาพื้นฐาน 95 บาท) อ้างอิงจากนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด”

พร้อมทั้งยังระบุอีกว่า คาดผลประกอบการครึ่งหลัง 2/63 ของ PTT ฟื้นตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก โดยราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในครึ่งปีหลังจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์/บาร์เรล, ค่าการกลั่นฟื้นตัวในไตรมาส 4/63 จากดีมานด์ที่ดีขึ้น, ความต้องการใช้ก๊าซเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากธุรกิจโรงไฟฟ้า และปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ดีขึ้นจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และสุขอนามัย แต่ปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์จะอ่อนลงเพราะมีอุปทานใหม่เข้ามากดดัน ฝ่ายวิจัยฯ DBS แนะนำซื้อ PTT ให้ราคาพื้นฐาน 43 บาท (SOP)


ส่วนประเด็น OR ที่จะเข้าตลาดหุ้นนั้น หลังจากล่าสุดสำนักงาน ก.ล.ต.ได้ อนุมัติแบบคำขอเสนอขาย IPO ของบมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) แล้ว โดยจะเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 3,000 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 10 บาท คิดเป็นไม่เกิน 25% ของหุ้นที่เรียกชำระแล้วทั้งหมด และเข้าจดทะเบียนใน SET และหลังทำ IPO ทาง PTT จะถือหุ้นใน OR ไม่น้อยกว่า 75% โดยถือเป็นข่าวบวกกับ PTT ที่จะได้รับมูลค่าเพิ่มจากการที่ OR เข้าจดทะเบียนใน SET และผู้ถือหุ้นของ PTT ก็ได้สิทธิจองซื้อแบบ Pre-emtive right ด้วย


ทางด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า(ประเทศไทย) จำกัด มองว่า พื้นฐานระยะยาวของ PTT ยังแข็งแกร่งทั้งการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศ กระจายธุรกิจครบวงจร ฐานะการเงินมั่นคง สามารถทดแรงเสียดทานในภาวะอุตสาหกรรมท้าทายได้


ขณะที่ความคืบหน้า OR ดังกล่าวเป็น Sentiment บวกต่อการลงทุน PTT ทั้งด้านการปลดล็อคมูลค่า OR ซึ่งภายหลังการ IPO จำนวนไม่เกิน 3,000 ล้านหุ้น (รวม Over-allotment 300 ล้านหุ้น) PTT จะถือหุ้น OR ไม่น้อยกว่า 75% และมี Pre-emptive rights เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้น PTT จำนวนไม่เกิน 300 ล้านหุ้น


คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 40.00 บาท ด้วยเหตุผลจาก โดยได้ Catalyst บวกความคืบหน้าแผน IPO หุ้น OR ข้างต้น โดยทิศทางผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในครึ่งปีแรก 63 แล้ว แนวโน้มไตรมาส 4/63 จะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ราคาขายฟื้นตัวตามน้ำมันดิบ การปิดซ่อมบำรุงลดลง ความต้องการใช้ก๊าซจากภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรมฟื้นตัว

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


98 Degree