ห้องเม่าปีกเหล็ก

จับตา! ควบรวม TRUE-DTAC โบรกฯ เคาะราคาเป้าหมายบริษัทใหม่

โดย eighteen nineteen
เผยแพร่ :
269 views

จับตา! ควบรวม TRUE-DTAC

โบรกฯ เคาะราคาเป้าหมายบริษัทใหม่ 10.40 บาท

คาดปี 68 กวาดกำไรกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท

 

.

ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวคราวที่นักลงทุนเฝ้าติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดหรือการควบควบกันระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ที่ปัจจุบันขั้นตอนดังกล่าวมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว

.

ทั้งนี้จึงมีนักลงทุนหลายคนตั้งคำถามและข้อสงสัยขึ้นมาว่า หลังจากการควบรวบของทั้ง 2 บริษัท จะมีความน่าสนใจหรือไม่ และไทม์ไลน์ขั้นตอนดังกล่าวจะจบในช่วงใด ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงได้ทำการนำมุมมองของผู้เชี่ยวชาญมาแบ่งปันให้แก่อ่านและผู้ที่สนใจ

.

โดยบทวิเคราะห์จากบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การควบรวมกิจการระหว่าง TRUE และ DTAC เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย กล่าวคือ การจัดประชุมผู้ถือหุ้นร่วมในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 หุ้น TRUE และ DTAC จะหยุดพักการซื้อขายหุ้นเป็นระยะเวลา 9 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ถึงวันที่ 2 มีนาคม 2566

.

ดังนั้นนักลงทุนต้องถือหุ้นในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันซื้อขายวันสุดท้าย หากจะแปลงเป็น NewCo (บริษัทใหม่)โดยระบบจะเปลี่ยนเป็น NewCo ให้ภายใต้ Ratio 1 หุ้น TRUE ต่อ 0.60018 หุ้นในบริษัทใหม่และ 1 หุ้น DTAC ต่อ 6.13444 หุ้นในบริษัทใหม่

.

ทั้งนี้ในระยะยาวประเมินว่า NewCo มีศักยภาพที่จะสร้างการทำงานร่วมกัน (Synergy) ระดับ 2 หมื่นล้านบาทต่อปีได้ไม่ยาก โดยการทำงานร่วมกัน จะมาจาก 3 ส่วน ได้แก่ 1.โอกาสปรับเพิ่มรายได้จากการแข่งขันที่ลดความรุนแรงลงโดยคาดการเติบโตของรายได้ของธุรกิจมือถือและธุรกิจ Broadband จะเพิ่มขึ้นได้อย่างน้อย 0.50% ต่อปี

.

2.การลดต้นทุนการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อนซึ่งเป็น การทำงานร่วมกัน หลักที่จะเกิดขึ้น เช่น การทำ Spectrum Optimization การทำ Network Sharing การลดลงของต้นทุนการอุดหนุนค่าเครื่อง การลดลงของค่าใช้จ่ายในการบริหารและการลดการใช้จ่ายการตลาดที่ซ้ำซ้อน และ 3. การลดลงของ CAPEX ที่ซ้ำซ้อน

.

อย่างไรก็ตามคาดว่าการทำงานร่วมกันจะยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2566 เนื่องจาก การทำงานร่วมกันส่วนใหญ่มาจากการปรับโครงสร้างต้นทุน เช่น การไม่ต่อสัญญาเช่าคลื่นความถี่ในปี 2568 หรือการปรับโครงสร้างองค์กรที่ต้องอาศัยเวลาราว 1-3 ปี นอกจากนี้ในระยะสั้นการแข่งขันจาก ADVANC มีโอกาสสูงขึ้นเพื่อแย่งตำแหน่งทางการตลาดในช่วง 6 เดือนแรกหลังการควบรวมกิจการ อย่างไรก็ดีในท้ายที่สุด การทำงานร่วมกันจะเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปไม่ยาก

.

โดยคาดกำไรปกติของ NewCo ในปี 2566-2568 ที่ 3.5 พันล้านบาท ,1.2 หมื่นล้านบาท และ 1.4 หมื่นล้านบาท ภายใต้สมมติฐานการทำงานร่วมกันในปี 2566-2568 ที่ 2.0 พันล้านบาท, 8.7 พันล้านบาท และ 1.2 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ โดยไม่ได้ประเมินการทำงานร่วมกันที่เกินกว่าระดับ 1.4 หมื่นล้านบาท ในระยะยาวเพื่อให้สมมติฐานของเราอนุรักษ์นิยม ซึ่งมอง NewCo เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีโอกาสเติบโตเด่นในช่วง 3 ปีจากนี้

.

ดังนั้นได้ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเหมาะสมที่ 10.40 บาทต่อหุ้น ด้วยวิธี DCF บน WACC 9.0% และอัตราการเติบโตของธุรกิจที่ 2.0% ประเมินมูลค่าหุ้น (Equity Value) ที่ 3.34 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าต่อหุ้นที่ 9.67 บาทต่อหุ้น ขณะที่ประเมินมูลค่าเงินลงทุน 21% ใน DIF โดยอิงราคาตลาดราว 13.60 บาทต่อหุ้น หักลดด้วยส่วนลดราว 20% เพื่อให้อนุรักษ์นิยมจะได้มูลค่าหุ้นที่ 2.4 หมื่นล้านบาท หรือราว 0.70 บาทต่อหุ้น

.

ขณะที่เชิงกลยุทธ์แนะนำให้นักลงทุนที่ถือ DTAC และ TRUE แปลงไปเป็น NewCo เนื่องจากคาดว่ายังมีอัพไซด์อีกอย่างน้อย 20% เทียบราคากระดานของ DTAC และ TRUE และราคาเหมาะสม NewCo ของเรา สำหรับความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ การแข่งขันด้านราคารุนแรง ,ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์และการทำงานร่วมกันที่เกิดขึ้นได้ช้ากว่าคาด

 

 


eighteen nineteen