ห้องเม่าปีกเหล็ก

MAKRO -- ซื้อดีไม่ซื้อดี

โดย Rubio
เผยแพร่ :
79 views

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ MAKRO

บล.เคจีไอ ระบุว่า ผลประกอบการออกมาต่ำกว่าประมาณการของเราเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าที่เราคาดประมาณ 0.2% โดยทรงตัวจากปีก่อนที่ 9.5% เพราะถูกกดดันจากราคาอาหารสดที่ลดลง อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากไตรมาสแรกซึ่งทำได้ 10% เพราะมีรายการพิเศษจากการจัดสต็อกซึ่งเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เราคาดว่าราคาอาหารสดที่มีแนวโน้มลดลงจากปีก่อน จะยังคงกดดันยอดขายและอัตรากำไรในครึ่งปีหลังต่อไป

สำหรับสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 8.5% จาก 7.9% เมื่อปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการขยายสาขาในประเทศไทย และต้นทุนก่อนการเปิดสาขาในต่างประเทศ (อินเดีย, กัมพูชา และจีน) เราคาดว่าต้นทุนในการเตรียมเปิดสาขาต่างประเทศจะยังคงกดดันผลประกอบการในระยะต่อไป คงคำแนะนำ ถือ และให้ราคาเป้าหมายปี 61 ที่ 42 บาท โดยเราคาดว่ากำไรจะทรงตัวในปี 61 ซึ่งถือว่าไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ในกลุ่ม ซึ่งคาดว่ากำไรจะโตถึง 16.3%-24% จากปีก่อน

บล.เออีซี ระบุว่า แม้ล่าสุด MAKRO จะประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรช่วงครึ่งปีแรก หุ้นละ 0.40 บาท (XD วันที่ 22 ส.ค. 61 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 5 ก.ย. 61) แต่ช่วง 2-3 ปีนี้คาดกำไรเติบโตไม่จูงใจต่อการลงทุน เพราะต้องรับรู้ผลขาดทุนของสาขาต่างประเทศ บวกกับราคาหุ้นปัจจุบันยังสูงกว่ามูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 61 ที่ 36 บาท ดังนั้นเราจึงคงคำแนะนำ "ขาย"

นอกจากนี้ เนื่องจากกำไรช่วงไตรมาส 2/61 แย่กว่าคาด หลังต้องรับรู้ค่าใช้จ่ายธุรกิจแม็คโครในต่างประเทศสูงกว่าคาด ซึ่งกดดันให้กำไรช่วงครึ่งปีแรกคิดเป็นเพียง 44.3% ของประมาณการกำไรทั้งปี ประกอบกับช่วงไตรมาส 3/61 คาดอิทธิพลของฤดูฝนที่ตกหนักต่อเนื่องจะยังกระทบต่อบรรยากาศจับจ่ายใช้สอย ตลอดจนช่วง 2-3 ปีแรก คาด MAKRO จะยังต้องแบกรับผลขาดทุนจากต่างประเทศไปก่อนกว่าจะสร้างยอดขายเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่ยังสูงและยังไม่เกิดผลประหยัดต่อขนาดจากมีสาขาน้อยอยู่ ดังนั้นเพื่อสะท้อนปัจจัยลบดังกล่าว เราจึงขอปรับลดประมาณการกำไรตั้งแต่ปี 61 ลงจากเดิมเฉลี่ยปีละ 4.9% ภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 61 MAKRO มีกำไรสุทธิ 5,907 ล้านบาท พลิกหดตัว 4.4% จากปีก่อน

ลุ้นการลงทุนต่างประเทศเกิดการประหยัดต่อขนาดในช่วง 2-3 ปีหลังจากนี้ หนุนผลประกอบการเติบโตดีในระยะยาว

บล.เอเชียเวลท์ ระบุว่า เรามีมุมมองเป็นกลางต่อ MAKRO โดยระยะสั้นบริษัทได้รับผลกระทบจากการเร่งขยายสาขาในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกัมพูชา และอินเดีย ประกอบกับมาตรฐานบัญชีใหม่ที่ให้บันทึกค่าเช่าที่ดินระยะยาวแบบเฉลี่ยเท่ากันทุกปิ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร (SG&A) จะเพิ่มสูงขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามเรามีมุมมองเป็นบวกในระยะยาว เมื่อบริษัทสามารถเปิดสาขาในต่างประเทศเพิ่มจนเกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) และถึงจุดคุ้มทุน โดยเราคาดคาดใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 ปี ทั้งนี้ บริษัทมีความสามารถในการควบคุมต้นทุนได้ดี รวมทั้งโดดเด่นในด้านการร่วมมือกับ Suppliers ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว


Rubio