|
“บี เตชะอุบล” ท่องอยู่ในยุทธจักรหุ้นมาหลายปี แว่บเข้าหุ้นตัวนั้น ออกจากหุ้นตัวนี้เป็นว่าเล่น ล่าสุด ขายหุ้นบริษัท อุตสาหกรรม อีเล็กทรอนิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “อีไอซี” ทิ้ง จำนวน 86 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 10.56% ของทุนจดทะเบียน ในราคาหุ้นละ 51 สตางค์เศษ นายบี เคยถือหุ้นอีไอซี 155.84 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 23.34% ของทุนจดทะเบียน แต่บริษัทออกหุ้นเพิ่มทุนขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจงกลางปี 2559 สัดส่วนถือหุ้นจึงลดลง ต่อมา นายบีทยอยขายออกมาอีก ล่าสุด เหลือหุ้นเพียง 12 ล้านหุ้น หรือ 1.71% ของทุนจดทะเบียน เปลี่ยนฐานะจากผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย ทำไมนายบี จึงถอนตัวจากหุ้นอีไอซี ไม่มีคำชี้แจง แต่ถ้าประมวลจากเหตุการณ์ต่างๆ ในบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ อาจหาคำตอบได้ ปี 2559 หุ้นอีไอซี ถูกเครื่องหมายเตือนต่างๆ นับไม่ถ้วน ถูกพักการซื้อขายหลายครั้ง ถูกตลาดหลักทรัพย์สั่งให้ชี้แจงข้อมูลบ่อยๆ ถูกสั่งให้แก้ไขงบการเงินไตรมาสแรกปี 2559 ธุรกรรมที่สำคัญของ “อีไอซี” ตลอดปี 2559 เป็นธุรกรรมการซื้อๆ ขายๆ หุ้นบริษัทนอกตลาด และเป็นการซื้อขายทรัพย์สินที่สร้างความเสียหายให้บริษัท |
หุ้นบริษัทนอกตลาดแห่งหนึ่งที่ตกลงซื้อ ปรากฏว่า “อีไอซี” ไม่อาจเรียกเงินค่ามัดจำคืน จำนวน 70 ล้านบาทได้ และอยู่ระหว่างฟ้องร้องทางแพ่ง หุ้นบางบริษัทลงทุนไปเพียง 72.30 บาทเศษ เพราะบริษัทมีทุนจดทะเบียนอยู่เพียง 2 หุ้น หุ้นละ 1 ดอลลาร์สหรัฐ (คำนวณ 1 ดอลลาร์สหรัฐละ 36.15 บาท) แต่ปรากฏว่า “อีไอซี” ต้องตั้งสำรองหนี้เผื่อสงสัยจะสูญ จำนวน 153 ล้านบาทเศษ เพราะปล่อยกู้ให้บริษัทแห่งนี้ 131.78 ล้านบาท ทดรองจ่ายในการบริหารอีก 18.11 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างรับอีก 3.71 ล้านบาท ต่อมาได้ขายหุ้นบริษัทแห่งนี้ในราคาเท่าทุน คือ ขายหุ้น 2 หุ้นออก ในราคาหุ้นละ 36.15 บาท โดยผู้ซื้อ ซึ่งเป็นบุคคลรายหนึ่ง ยอมจ่ายหนี้คืนบริษัท 1.5 ล้านบาท จากหนี้ที่ “อีไอซี” ต้องตั้งสำรอง 153 ล้านบาทเศษ ที่ปรึกษาทางการเงินที่ตั้งมาเพื่อพิจารณาราคาหุ้นที่เหมาะสมที่จะขาย ปรากฏในรายงานที่ปรึกษาทางการเงินระบุว่า ไม่อาจประเมินราคาหุ้นที่เหมาะสมได้ เพราะไม่มีข้อมูลใดของบริษัทที่จะนำมาคำนวณได้ และบริษัทแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะบริติส เวอร์จิ้น เสียด้วย ไม่มีใครกล่าวหาว่า “อีไอซี” ไซ่ฟ่อนเงิน เพราะถ้ามีหลักฐาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คงกล่าวโทษกรรมการบริษัทไปแล้ว ซึ่งนายบี ก็ร่วมเป็นกรรมการ ก่อนชิงลาออกเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2559 ผลประกอบการ “อีไอซี” ขาดทุนตลอด โดยทุนจดทะเบียนกว่า 700 ล้านบาท แต่มีรายได้ปีละ 100 ล้านบาทเศษ และตัวเลขที่น่าตกใจ คือ งวด 9 เดือนแรกปี 2559 มีรายได้รวม 147.56 ล้านบาท แต่กลับมียอดขาดทุน 148.57 ล้านบาท ถ้าปิดบริษัทไม่ต้องทำการค้า ไม่ต้องซื้อๆ ขายๆ หุ้น บริษัทอาจไม่ขาดทุนเละตุ้มเป๊ะขนาดนี้ ล่าสุด อีไอซีประกาศซื้อหุ้นบริษัท ส.ธนา มีเดีย จำกัด เจ้าของป้ายโฆษณาบิลบอร์ดจำนวน 50,000 หุ้น หรือ 100% ของทุนจดทะเบียน ในราคาหุ้นละ 8,440 บาท จากราคาพาร์ 100 บาท จ่ายค่ามัดจำแล้วด้วย รายการซื้อๆ ขายๆ หุ้น รายการขนเงินไปลงทุนบนเกาะบริติส เวอร์จิ้น จนเกิดความเสียหาย ผู้ถือหุ้นรายย่อยกลายเป็นผู้รับเคราะห์ นายบี เคยถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษมาแล้ว ช่วงดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้นไออีซี เมื่อปี 2553 ในความผิดแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ โดยขอใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งน่าเชื่อว่า เกี่ยวพันกับนายบี ทำให้ไออีซี ต้องชำระเงินให้บริษัทแห่งนั้น 60.5 ล้านบาท “บี เตชะอุบล” เผ่นจากหุ้นอีไอซี หอบเงินจากการขายหุ้นสบายไปแล้ว โดยไม่รู้ว่า จะโผล่ไปสร้างตำนานในบริษัทจดทะเบียนแห่งใดอีก ก.ล.ต.จะไล่ทันเกมนายบี หรือไม่ เพราะถ้าไล่ไม่ทัน ถ้าจอมยุทธจักรหุ้นรายนี้ ไปโผล่หุ้นตัวไหนอีก ย่องเข้าไปหุ้นตัวไหน นักลงทุนรายย่อยจะตกในภาวะเสี่ยงภัย |
|