Agoda เป็นเว็บไซด์ให้บริการสำรองห้องพักออนไลน์ (OTAs) และมีชื่อเสียงมากในประเทศไทย คนไทยส่วนใหญ่มักจะเลือกเป็นตัวเลือกแรกๆกับการจองห้องพักเมื่อคิดจะเดินทางในประเทศหรือนอกประเทศ
จริงๆแล้ว Agoda เมื่อก่อนเป็นบริษัทสตาร์ทอัพเล็กๆที่ก่อตั้งจากชายชาวต่างชาติคนหนึ่งที่มาอยู่เมืองไทย ก่อตั้งในปี 2541 โดยนายไมเคิล เคนนี่ (Michael Kenny) เขาเป็นชาวอเมริกาและย้ายมาอยู่เมืองไทยที่ภูเก็ต เขาก่อตั้งเว็บไซด์ PlanetHoliday.com เพื่อเป็นเว็บไซด์ต้นทางในการค้นหาข้อมูลการท่องเที่ยว (Search Engine) รวมถึงรับจองโรงแรมออนไลน์อีกด้วย
ที่มาภาพ : http://travelobservers.com/agoda-reviews/
ในปี 2545 เขาได้ย้ายมาอยู่ในกรุงเทพและก่อตั้งเว็บไซด์ PrecisionReservation.com เพื่อใช้ในการจองโรงแรมที่เป็นพันธมิตรกับเว็บไซด์ ต่อมาเขาได้รวม 2 เว็บไซด์ คือ PlanetHoliday.com บวกกับ PrecisionReservation.com เปลี่ยนชื่อมาเป็น Agoda.com
ธุรกิจของไมเคิล โตเร็วมาก ถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นเจ้าของโรงแรมสักแห่งเดียว แต่เขาทำเงินได้มากจากการเป็นเอเจนซี่รับจองโรงแรมทั่วโลก .. บริษัท Agoda มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานครแต่จดทะเบียนที่สิงคโปร์
อย่าไงรก็ตามธุรกิจรับจองโรงแรมออนไลน์ เป็นธุรกิจที่กำไรดี ทำให้เกิดคู่แข่งมากมาย เช่น Booking ในเครือ Priceline Group , Expedia ของ Microsoft ก่อนจะถูกซื้อกิจการ, Ctrip ของจีน และ Trivago ของเยอรมัน คู่แข่งในตลาดเยอะมาก แต่สำหรับ Agoda แล้วเขาถือคติว่า เว็บไซด์ให้ราคาที่ดีที่สุดกับลูกค้า ถ้าเจอที่ไหนขายถูกกว่ายินดีคืนเงินส่วนต่างให้ แต่สำหรับตัวผมที่ใช้บริการ agoda อยู่เป็นประจำเคยเจอที่ถูกกว่า แต่ไม่ได้แจ้งบริษัทเพื่อขอเงินคืน เพราะต่างกันหลัก 50-100 บาทเท่านั้น เลยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
ต่อมา Priceline Group เจ้าของเว็บไซด์ชื่อดังอย่าง Booking - จองโรงแรม , Cheapflights - ค้นหาเที่ยวบินที่ถูกที่สุด และ Rentalcars.com - จองรถเช่า ค้นหารถเช่าที่ถูกที่สุด ได้เข้าซื้อธุรกิจ Agoda ต่อจากนายไมเคิล เคนนี่ เพื่อรวมกับธุรกิจของ Booking แต่หลังจากนั้นก็เปลี่ยนแผนธุรกิจใหม่โดยจะให้ Booking เน้นทำตลาดระดับโลกโลก และ Agoda วางเป้าหมายให้เป็นเบอร์ 1 ของเอเชียอาคเนย์
ต่อมา Priceline Group ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Booking Holdings และซื้อขายกันในตลาดหุ้น NASDAQ โดยใช้ชื่อย่อว่า BKNG
ดังนั้นถ้าใครสนใจอยากลงทุนใน Agoda หรือ Booking เราก็สามารถซื้อหุ้น BKNG ในตลาด NASDAQ กันได้เลยครับ
ราคาหุ้น BKNG 5 ปีย้อนหลัง
(ที่มาภาพ : google.co.th)
ปัจจุบันหุ้น BKNG ซื้อขายกันในราคา 2087 เหรียญ มีค่า P/E ที่ 44.86 เท่า , P/BV ที่ 7.48 เท่า และบริษัทยังไม่เคยจ่ายปันผล ถือว่าเทรดกันในราคาที่มีพรีเมี่ยมอยู่มาก แต่ถ้าดู Key Stat. อื่นๆก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักลงทุนถึงยอมเทรดกันในระดับ P/E สูงขนาดนี้ ...
บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) สูงถึง 82.08% แสดงว่าบริษัทมีต้นทุนขายที่ต่ำมากอาจจะเป็นเพราะบริษัทไม่ได้เป็นเจ้าของโรงแรม ไม่จำเป็นต้องมีฝ่ายปฏิบัติการ มีค่าเสื่อมราคาของโรงแรม มีต้นทุนการดูแลรักษา ทำให้ต้นทุนขายน้อยมาก แต่พอมาเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin)จะเหลืออยู่เพียง 18.46% แสดงว่าบริษัทมีต้นทุนค่าจ้างพนักงาน ที่สูงพอสมควร
คร่าวนี้เราลองมาเทียบกับเชนโรงแรมเบอร์ 1 ที่มีโรงแรมเกือบทั่วโลกอย่าง Accor กันบ้างครับ
เปรียบเทียบรายได้ Gross Margin และ Net Margin
Accor เป็นเชนโรงแรมที่มีทั้งตัวเองเป็นเจ้าของและรับจ้างบริหาร บริษัทมีค่า P/E ที่ 31.7 เท่า, P/BV ที่ 2.3 เท่า และอัตราการปันผลที่ 2.3%
บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) สูงถึง 35% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ที่ 22.7%
จะเห็นได้ว่าทั้ง Agoda หรือ Booking Holdings เป็นบริษัทที่ไม่ธรรมดาเลย เขาไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพยากร แต่สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของคนอื่นมาหารายได้ ไม่ใช่แค่ Agoda หรือ Booking เพียงอย่างเดียว ในปัจจุบันเราจะเห็น Start up มากมายพยายามมองหาความแปลกใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น Airbnb ที่สามารถแบ่งห้องว่างมาทำเป็นโรงแรมขนาดเล็กเพื่อนักเดินทาง หรือแม้กระทั่งการทำตัวเองเป็นเว็บไซด์เอเจนซี่ที่เปรียบเทียบราคาของเอเจนซี่อีกทีหนึ่งอย่าง tripadvisor หรือ Hotelcombined สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นธุรกิจของคนรุ่นใหม่ที่น่าสนใจมาก
เราเข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ไม่ใช่แค่ Startup ที่ต้องมองหาอะไรใหม่ๆ แม้แต่ตัวนักลงทุนเองก็ต้องมองหาธีมการลงทุนใหม่ๆเช่นเดียวกันครับ
----------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก
https://th.wikipedia.org/wiki/อโกด้า
https://www.nasdaq.com/symbol/bkng
https://en.wikipedia.org/wiki/Booking_Holdings
https://www.marketwatch.com/investing/stock/bkng/profile
https://finance.yahoo.com/quote/AC.PA/key-statistics?p=AC.PA