พาวเวล ส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย คาดเศรษฐกิจสหรัฐไม่เผชิญภา
????มนูชิน คาดคณะผู้แทนเจรจาการค้าระด
????????รองปธน.จีนร้องสหรัฐเพิ่มคว
????กรมสรรพากรจัดเก็บรายได้ในไ
????สบน.ชี้แจงประเด็นการกำหนดส
ซีพีเอฟ ชูนโยบายและแนวปฏิบัติ
ด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน
กรุงเทพฯ ( 11 มกราคม 2562) -- บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ประกาศนโยบายบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ครอบคลุมกิจการทั้งในและต่างประเทศ สนับสนุนการลดพลาสติกตลอดห่วงโซ่คุณค่า ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน
ปัญหาขยะจากบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขยะพลาสติก เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความสนใจในระดับโลก ซีพีเอฟ จึงได้ประกาศนโยบายบรรจุภัณฑ์ฯ ซีพีเอฟ ดังกล่าว ตั้งเป้าหมายบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งหมดของบริษัทจะต้องสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable) หรือ นำมาใช้ใหม่ (Recyclable) หรือ นำไปผลิตเป็นสินค้าใหม่ได้ (Upcyclable) หรือสามารถย่อยสลายได้ (Compostable) 100% และจะยกเลิกการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ไม่จำเป็นภายในปี 2568 สำหรับกิจการในประเทศไทย ส่วนกิจการในต่างประเทศจะดำเนินการภายในปี 2573
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายฯ บริษัทได้กำหนดแนวทางปฏิบัติสำคัญ 4 ข้อ คือ 1. ส่งเสริมการใช้วัสดุที่ทดแทนใหม่ได้จากแหล่งที่มีการจัดการอย่างยั่งยืน 2. สนับสนุนการนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle System) หรือนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วไปผลิตเป็นพลังงาน (Energy Recovery) ได้แก่ โครงการรับคืนบรรจุภัณฑ์จากผู้บริโภค (Take-back System) 3.เพิ่มสัดส่วนวัสดุรีไซเคิลตามความเหมาะสมในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่สามารถทำได้ โดยไม่กระทบกับคุณภาพ และความปลอดภัยอาหาร 4.มุ่งพัฒนารูปแบบการใช้ซ้ำแทนการใช้ครั้งเดียวสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในกระบวนการผลิต หรือ การขนส่ง ตามความเหมาะสม
นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ซีพีเอฟ กล่าวว่า
บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาและบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ให้เกิดความยั่งยืน เพื่อให้ใช้ทรัพยากรในการผลิตบรรจุภัณฑ์อย่างคุ้มค่า ซึ่งคาดว่านโยบายนี้จะช่วยลดปริมาณของเสียที่กำจัดโดยการฝังกลบและเผาต่อหน่วยการผลิตลง 30% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2558 ตามเป้าหมายความยั่งยืนปี 2563 ของบริษัท ซึ่งในปี 2560 บริษัทสามารถลดปริมาณของเสียได้แล้ว 9.08%
“ซีพีเอฟ มุ่งมั่นพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าและบรรจุภัณฑ์ด้วยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการใช้พลาสติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจุดที่เป็น Hot spot ตั้งแต่ กลุ่มโรงงานผลิตอาหารสัตว์บก กลุ่มฟาร์มสัตว์น้ำ รวมถึงโรงงานผลิตอาหารของบริษัท” นายสุขสันต์ กล่าว
นอกจากนี้ นโยบาย “บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน” ยังเป็นการสนับสนุนนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งกำหนดให้ทุกกลุ่มธุรกิจที่ดำเนินการในประเทศไทยต้องหันมาใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ทำจากวัสดุ “นำกลับมาใช้ซ้ำ นำมาใช้ใหม่ และย่อยสลายได้” ทั้งหมด ภายในปี 2568 ขณะเดียวกันยังเป็นการสนับสนุนนโยบายขององค์กรด้านความยั่งยืนระดับโลกซึ่งซีพีเอฟเป็นสมาชิกอยู่ เช่น for Ocean Stewardship (SeaBOS) และ World Business Council for Sustainable Development (WBCSD) รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติข้อ 12 การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน
นายสุขสันต์ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ลดการใช้พลาสติกในกระบวนการผลิตด้วยการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมสีเขียวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดขยะพลาสติกในห่วงโซ่คุณค่าทุกสายธุรกิจ ทำให้ในปัจจุบันสามารถลดการใช้พลาสติกได้มากกว่า 10,000 ตันต่อปี เช่น ในปี 2556 โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกของซีพีเอฟ ใช้ Bulk feed tank ทดแทนการใช้ถุงพลาสติกบรรจุอาหารสัตว์ และในปี 2560 สามารถลดการใช้พลาสติกได้ 60% ของการใช้พลาสติกในกระบวนการผลิต หรือคิดเป็นพลาสติกมากกว่า 8,000 ตัน เทียบเท่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 17,000 ตันคาร์บอน นอกจากนั้นยังได้ขยายผลไปยังกิจการต่างประเทศได้แก่ เวียดนาม ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์และรัสเซีย และในธุรกิจสัตว์น้ำได้นำ Q-pass tank มาใช้ที่ฟาร์มสัตว์น้ำเพื่อทดแทนการใช้ถุงพลาสติกบรรจุลูกกุ้ง ลดพลาสติกได้มากกว่า 1,600 ตัน เทียบเท่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 3,600 ตันคาร์บอน
ในส่วนโรงงานแปรรูปเนื้อไก่และอาหารแปรรูป บริษัทมีการพัฒนาการลำเลียงวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการผลิตและการขนส่งสินค้า ด้วยเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ลดปริมาณการใช้พลาสติกตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบันได้มากกว่า 3,500 ตัน นอกจากนี้ถุงพลาสติกทั้งหมดที่บริษัทใช้ในโรงงานแปรรูปเนื้อไก่และอาหารแปรรูปจะต้องไม่ก่อให้เกิดขยะฝังกลบ ภายในปี 2568
นายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจอาหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ของบริษัทกล่าวว่า ซีพีเอฟเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่นำพลาสติกชีวภาพย่อยสลาย (Poly Lactic Acid หรือ PLA) ซึ่งทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่นข้าวโพด และสามารถย่อยสลายได้เร็วกว่าพลาสติกทั่วไป มาใช้กับบรรจุภัณฑ์อาหารหมูสดและไก่สด
“บริษัทมุ่งสร้างนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารที่ตอบสนองความต้องการให้แก่ผู้บริโภคทั้งด้านการใช้งาน ด้านภาพลักษณ์ ตลอดจนถึงความปลอดภัยด้านอาหาร และการใช้ทรัพยากรให้เกิดคุณค่าที่สุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้” นายสุขวัฒน์ กล่าว
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว บริษัทได้ส่งเสริมบุคลากรให้มีความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ ความคิดสร้างสรรค์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสร้าง Innovation & Renovation รวมถึงตั้งเป้าให้ศูนย์ Research and Development Center ซึ่งเพิ่งเปิดตัวใหม่ เป็นศูนย์กลางการวิจัยพัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อรวบรวมองค์ความรู้เทคโนโลยี การออกแบบเพื่อสนับสนุนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ในทุกกลุ่มธุรกิจอาหาร และวิเคราะห์แก้ไขปัญหาด้านบรรจุภัณฑ์ให้กับบริษัทในเครือ ทั้งในและต่างประเทศ (Technical Assistance)

'เอสซีจี' เดินหน้าเพิ่มมูลค่าให้เศษกระดาษ
สร้างคุณค่าได้ไม่รู้จบ ด้วย Circular Economy
ใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ตลอดกระบวนการผลิตสินค้า
จากความต้องการใช้ทรัพยากรที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้หลายภาคส่วนหันมาให้ความสนใจกับการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรให้คุ้มค่ามากที่สุด โดยภาครัฐได้กำหนดยุทธศาสตร์ 20 ปี ซึ่งมุ่งการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่ภาคประชาชนก็ตื่นตัวและเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างจริงจัง เช่น การลดใช้ถุงพลาสติก และหันมาใช้ถุงกระดาษหรือถุงผ้า สำหรับภาคเอกชนนั้น นับว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าที่สุดตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ด้วยการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้ เพื่อสร้างการเติบโตให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน
ลดขยะได้มหาศาล เมื่อใช้แนวคิด Waste = Resource
จากสถานการณ์ขยะมูลฝอยชุมชนของประเทศไทย พบว่า มีปริมาณการเกิดขยะรวมกันทั้งประเทศประมาณ 27.37 ล้านตันต่อปี คิดเป็นประมาณ 74,998 ตันต่อวัน เฉลี่ยเป็นปริมาณขยะ 1.13 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน โดยหากมีการแยกขยะอย่างถูกต้องและทำความสะอาดก่อนทิ้ง จะมีขยะที่สามารถรีไซเคิลได้ถึงร้อยละ 31 ของขยะทั้งหมด สำหรับเอสซีจี ธุรกิจเเพคเกจจิ้ง โดยหน่วยงาน Sourcing and Supply Management ซึ่งเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบและเศษกระดาษเพื่อนำมาผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ ก็ได้นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้ในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่กระบวนการจัดหาเศษกระดาษจากจุดรับซื้อที่ผู้บริโภครวบรวมมาขายให้ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยผู้ที่สนใจขายเศษกระดาษ สามารถติดต่อได้ที่ หน่วยงาน Sourcing and Supply Management เอสซีจี โทร. 02-586-4598
เศษกระดาษสู่กระบวนการผลิตตามแนวคิด Circular Economy ส่งต่อคุณค่าสู่ลูกค้า
หลังจากนั้น วัตถุดิบจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการผลิตตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่เริ่มตั้งแต่การให้ความสำคัญกับกระบวนการออกแบบคุณสมบัติของกระดาษให้มีความบางลง "Light Weight Paper" โดยลดปริมาณการใช้เยื่อกระดาษ แต่ยังคงความแข็งแรงเท่าเดิม ทำให้สามารถนำมาใช้ซ้ำและนำกลับมารีไซเคิลได้ง่าย และการพัฒนากระดาษให้มีสัดส่วนวัตถุดิบรีไซเคิลที่สูงขึ้น ขณะที่กระดาษยังคงแข็งแรงและผิวสะอาด รวมทั้งยังสร้างคุณค่าที่หลากหลายด้วยการออกแบบกระดาษรีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นสินค้ารูปแบบต่างๆ เช่น Merchandising Display ชั้นวางสินค้าเพื่อการประชาสัมพันธ์จากกระดาษรีไซเคิล ทดแทนการใช้วัสดุอื่น เป็นต้น ต่อมา ด้านกระบวนการผลิต ได้คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตลอดห่วงโซ่คุณค่า เช่น การลดการใช้น้ำและพลังงานในกระบวนการผลิต และการนำระบบดิจิทัลหรือนำ Application Tools เข้ามาช่วยเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเอสซีจีและคู่ค้า อำนวยความสะดวกในการซื้อขาย และบริหารจัดการรถขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่าให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับสินค้าที่ผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีหลายชนิด อาทิ กล่องกระดาษ Green Carton ถุงกระดาษจากเยื่อรีไซเคิล 100% มีความแข็งแรง สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ ซึ่งลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจตั้งแต่กระบวนการคิดและการผลิต
สินค้ารีไซเคิลวนกลับสู่กระบวนการผลิต สร้างคุณค่าไม่รู้จบ
ธุรกิจแพคเกจจิ้ง เอสซีจี ได้ร่วมมือกับเทสโก้ โลตัส ตั้งเเต่ปี 2010 นำกล่องบรรจุสินค้าที่ใช้แล้ว จากเทสโก้ โลตัส กลับสู่โรงงาน เพื่อรีไซเคิลเป็นกระดาษใหม่ โดยเอสซีจีได้พัฒนาวิธีการรวบรวมเเละจัดเก็บเศษกระดาษและบรรจุภัณฑ์ที่ใช้งานแล้วตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อช่วยลดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเอสซีจียังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนา Digital Platform ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ยุคปัจจุบัน เพื่อช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ธุรกิจและตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
ก้าวต่อไปกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
เอสซีจี จะยังคงเดินหน้าสร้างความร่วมมือ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก ตลอดจนสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาต่อยอดความยั่งยืนโดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผสานกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยยกระดับกระบวนการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจเติบโตควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย และพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในองค์กรต้นแบบที่ช่วยถ่ายทอดและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนแก่ผู้ที่สนใจ ด้วยเชื่อมั่นว่าจะมีส่วนช่วยยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

ทีเอ็มบี ร่วมพัฒนาระบบ Mango TMB Connect
เพื่อบริหารธุรกิจก่อสร้างแบบครบวงจรพร้อมสั่งจ่ายได้ทันที
