ตี๋โบ๊โผล่หัวคุย

สวัสดียามค่ำ

Hot High Yield Bond
กระแสเงินไหลเข้าอย่างหนาแน่น

สวัสดีวันจันทร์ครับ เข้าสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนอย่างรวดเร็ว ครึ่งเดือนที่ผ่านมา ถือว่าตลาดหุ้นทั่วโลกค่อนสดใสเลยทีเดียว สิ่งต่างๆ ที่สร้างความกังวลให้กับตลาดก็ค่อยๆ หายไปที่ละอย่าง Inverted Yield Curve ก็หายไปแล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุดอย่างความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนก็ดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดือนก่อน ทางจีนมีการยกเว้นการขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด สินค้าที่สำคัญที่สุดอย่างสินค้าเกษตรที่รวมถึง ถั่วเหลืองและเนื้อหมู ทางจีนก็จะยกเว้นการขึ้นภาษีนำเข้าให้ เรียกได้ว่าทางจีนส่งให้ทั้งบันไดและสะพาน อยู่ที่ทางปธน.ทรัมพ์แล้วว่าจะลงบันไดและข้ามสะพานมาหรือไม่ แต่นาทีนี้ก็คงจะค่อนข้างชัดว่าคุณทรัมพ์น่าจะลงบันได้และข้ามสะพานมา เพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขาเท่านั้น เหลือก็แต่เพียงคุณเจอโรม พาวเวลล์ ปธ.เฟดเท่านั้น ที่ยังเป็นบิดาแห่งการถูกกดดันอยู่เช่นเคย การประชุม FOMC ในวันที่ 17 – 18 ที่กำลังจะถึงนี้ คาดว่าก่อนจะประกาศว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยหรือลดอัตราดอกเบี้ย คงจะถูกปธน.ทรัมพ์ tweet กดดันตลอดอย่างแน่แท้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ คือมีการโจมตีไปที่โรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งในซาอุ ทำให้อุปทานน้ำมันของโลกคงติดขัดไปชั่วคราว ส่งผลให้ราคาน้ำมันและทองคำพุ่งสูงขึ้นมา แต่มีการคาดหมายว่า ปริมาณที่หายไปจะกลับมาได้ทั้งหมดในเวลาไม่นานนัก ไม่รู้ว่างานนี้หวยจะออกที่ใคร

จากที่ตลาดคลายความกังวลกันลงไปมาก ตลาดหุ้นก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอีกตลาดนึงที่ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน รวมถึงมีเม็ดเงินไหลเข้าไปลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น คือตลาดตราสารหนี้แบบ High Yield นั่นเอง มีความเคลื่อนไหวอย่างไรสำหรับตลาดนี้ ลองอ่านกันดูครับ

????เงินไหลเข้า US High Yield Bond อย่างร้อนแรง

Financial Times มีรายงานว่า เงินลงทุนจากกองทุนต่างๆ ไหลเข้าไปที่ High Yield Bond (ตราสารหนี้ที่มีเครดิตเรทติ้งต่ำกว่าระดับลงทุนได้หรือที่เรียกกันว่า Investment Grade) สูงถึง 2,800 ล้านเหรียญในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นยอดซื้อที่สูงที่สุดตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2019 จากความกังวลเรื่องภาวะถดถอยของเศรษฐกิจค่อยๆ จางหายไป
เป็นที่รับรู้ของตลาดไปเรียบร้อยว่าทาง ECB ได้มีการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ต้องไปฝากกับ ECB ลง 0.1% มาที่ -0.5% รวมถึงการเริ่มทำ QE เดือนละ 20,000 ล้านยูโรในเดือนพฤศจิกายนที่กำลังจะมาถึง ด้างด้านสหรัฐฯ นักลงทุนก็มีการคาดการณ์ว่า FED น่าจะลดดอกเบี้ยลงอีกหนึ่งครั้งในการประชุมวันที่ 17 – 18 กันยายนนี้ ทำให้ตลาดเชื่อว่า อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรน่าจะยังต่ำแบบนี้ไปอีกระยะใหญ่ๆ ถึงแม้ว่าจะมีการปรับตัวขึ้นบ้างในเดือนกันยายน แต่สิ่งที่นักลงทุนต้องการในระยะยาวคือ ผลตอบแทน ซึ่งพันธบัตรให้ต่ำมากในช่วงนี้

รายงานจาก EPFR บริษัทที่ให้บริการด้านข้อมูลเกี่ยวกับกระแสเงินลงทุนได้ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนเริ่มที่จะรู้สึกสบายใจขึ้นในการลงทุนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นอย่าง High Yield Bond เมื่อเปรียบเทียบกับกระแสเงินลงทุนในหุ้นกู้ที่มีเรทติ้งสูง พบว่ามีเม็ดเงินไหลเข้าไปเพียง 100 ล้านเหรียญ ลดลงจากช่วงสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสูงถึง 6,000 ล้านเหรียญ

ทางด้านผู้จัดการกองทุนจาก Invesco ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ความต้องการใน High Yield Bond มาจากบริษัทประกันชีวิตที่อยู่ในเอเชียและยุโรปเป็นหลัก ประเทศเหล่านี้มีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ต่ำมาก หรือติดลบในบางประเทศด้วย

ความต้องการที่สูงขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนของ US High Yield Bond Index ปรับตัวลดลงมาที่ 5.77% เป็นระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนมกราคม 2018 ทางด้านดัชนีแบบเดียวกันในยุโรปก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน มาอยู่ที่ 3.07%

ปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกคลายความกังวลไปได้มากก็คือเรื่องพัฒนาการของสงครามการค้าที่มีท่าทีคลี่คลายลงไปมาก ทั้งจากฝั่งประเทศสหรัฐฯ และประเทศจีน ทำให้เชื่อว่ากระเจรจาอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมนี้ จะมีพัฒนาการเชิงบวกมาก หรืออาจจะถึงขนาดพักรบชั่วคราว ต่างคนต่างได้ข้อตกลงที่โอเคกันไปเลย ยังไงก็แล้วแต่ ลงทุนด้วยความระมัดระวังเช่นเคยครับ

????Dow Jones ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8 วันติด

ตลาดหุ้นอเมริกายังอยู่ในโมเมนตั้มขาขึ้นโดยเฉพาะ Dow Jones ที่บวกมาแล้ว 8 วันติดต่อกัน วันศุกร์ ที่ผ่านมา +0.14% แต่ตลาด S&P 500 และ Nasdaq 100 ปรับตัวลดลง -0.07% และ -0.31% ตามลำดับ

สถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนดีขึ้นตามลำดับ ส่งผลให้หุ้นอย่าง Caterpillar และ Boeing ปรับตัวเพิ่มขึ้น มาชดเชยกับการปรับตัวลดลงของหุ้น Apple ที่เพิ่งโดน Goldman Sachs ปรับลดราคาเป้าหมายจาก 187 ลงมาที่ 165 เหรียญ

หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมการเงินยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวดีขึ้น Bank of America +1.69% JPMorgan 1.97% และ Citigroup +1.57%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีอยู่ที่ 1.804% และอายุ 10 ปีอยู่ที่ 1.901%

????ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวดีขึ้นจากแผนกระตุ้นครั้งใหม่ของ ECB

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคาร จากนโยบายกระตุ้นครั้งใหม่ของ ECB รวมไปถึงข้อบังคับเกี่ยวกับการปล่อยกู้ของธนาคารใน EU ที่ผ่อนคลายมากขึ้น และการแบ่งชั้นของดอกเบี้ยปล่อยกู้ที่จะทำให้ส่วนต่างของดอกเบี้ยดีขึ้น

หุ้นธนาคารในสเปนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เช่น Caixabank +6.9% Banco De Sadabell +7.4% Commerzbank ของเยอรมนี +5.9% RBS และ Barclays ของอังกฤษปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 5% เช่นกัน

????ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

ตลาดหุ้นจีนและเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องมาจากวัดหยุด Mid-Autumn ตลาดหุ้นฮ่องกงและญี่ปุ่นเปิดทำการตามปกติ Nikkei 225 +1.05% ที่ 21,988 จุด Topix +0.93% ปิดที่ 1,609 จุด ทะลุ 1,600 จุดขึ้นมาได้ ค่าเงินเยนก็สามารถทรงตัวในระดับ 108 เยนต่อดอลลาร์ได้ ส่งผลบวกต่อดัชนีหุ้นญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง

ทางด้านตลาดหุ้นฮ่องกง Hang Seng ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.98% ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินทั้งธนาคารและประกันชีวิตปรับตัวเพิ่มขึ้นกันอย่างโดดเด่น เช่น AIA +1.89% ICBC +1.3% Bank of China +1.27%

1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้น Hang Seng ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.5% 1 เดือนที่ผ่านมา +7.28%

ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน +0.85% หลังจากที่ซึมในช่วงครึ่งเช้า พอช่วงครึ่งบ่ายก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวต้านของตลาดหุ้นอินเดีย Nifty 50 อยู่ที่ 11,150 จุด ถ้าทะลุขึ้นไปได้ ตลาดหุ้นอินเดียจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นคือหุ้นในกลุ่มน้ำมันและธนาคาร

⛳️ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 1,500 เหรียญอีกครั้ง

ราคาทองคำไม่สามารถยืนอยู่เหนือระดับ 1,500 เหรียญได้ ในช่วงครึ่งหลังของวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ ราคาทองคำปรับลดลงมาต่ำกว่าระดับ 1,500 เหรียญมาปิดที่ 1,496 เหรียญ สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง มาจากปัจจัยความกังวลต่อตลาดและเศรษฐกิจลดต่ำลงโดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้งทางการค้าที่ปรับตัวดีขึ้นมากแล้ว แต่จากเหตุการณ์มันวันเสาร์ที่ผานมา ที่เกิดเหตุการณ์ลอบโจมตีแท่นขุดเจาะน้ำมันของประเทศซาอุดิอาระเบีย ทำให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นมาอีกครั้ง ล่าสุด ราคาทองคำอยู่ที่ 1,518 เหรียญ ส่วนราคาน้ำมัน ปรับตัวขึ้นมากกว่า 10% WTI ทะลุ 60 เหรียญขึ้นมาได้ อยู่ที่ 60.90 เหรียญ

????????ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย +1.28 จุด หุ้นในกลุ่มสื่อสารมีการฟื้นตัวขึ้นมาหลังจากที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงการหน้าจากการถูกขายทำกำไร รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มน้ำมันก็ฟื้นตัวขึ้นมาเช่นกัน ส่วนหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ก็มีการถูกเทขายทำกำไรออกมาบ้าง

นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยออกมาอีก 400 ล้านบาท แต่มีการ Long TFEX SET50 เข้ามาเพิ่มอีก +17,716 สัญญา

ค่าเงินบาทแข็งค่า ปิดที่ 30.47 บาทต่อดอลลาร์

ดัชนี PF & REITs ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ปรับตัวลดลงมาทั้งสัปดาห์ +0.54% ปิดที่ 256.01 จุด

SCBS กระแสข่าวภาคบ่าย

????ทรัมป์สั่งปล่อยน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ หลังเกิดเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุฯ

????หอการค้าอังกฤษปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ จากปัจจัยศก.โลก-การค้า-Brexit