จบ 1Q61 เงินลงทุนยังเทเข้าหุ้นไทยเกือบ 3 หมื่นล้าน
"มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)" สรุปภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวม 3 เดือนแรกของปี 2561 พบว่าค่อนข้างทรงตัว โดยเงินลงทุนรวมเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% จากสิ้นปีที่ผ่านมา ทำให้ยอดมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ณ สิ้นเดือนมีนาคม ปิดที่ 5.05 ล้านล้านบาทโดยคิดเป็นเงินไหลเข้าสุทธิ 49,168 ล้านบาท
ภาพรวมในไตรมาสแรก "มอร์นิ่งสตาร์ฯ" ให้ข้อมูลว่า นักลงทุนยังคงให้ความสนใจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ทำให้ผู้ลงทุน ต้องเผชิญกับความผันผวนครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศขึ้นดอกเบี้ยของ FED หรือ Bond Yield สหรัฐ ที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมไปถึงนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีนักลงทุนบางส่วนที่มีความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้น และใช้โอกาสในช่วงที่หุ้นมีการปรับฐานทยอยสะสมกองทุนหุ้นในกลุ่มต่างๆ
โดยพบว่า 5 อันดับกลุ่มกองทุนที่มีเงินไหลเข้าสุทธิสูงสุดนั้น 3 อันดับแรก ล้วนเป็นกลุ่มกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลางที่ลงทุนในประเทศทั้งสิ้น
เริ่มตั้งแต่ กองทุนประเภท Short Term Bond ประเภท Mid/Long term Bond และ Conservative Allocation โดยทั้ง 3 กลุ่มนี้มีเงินไหลเข้าสุทธิรวมกว่า 100,919 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มหุ้น Asia Pacific ex-Japan มีเงินไหลเข้าสุทธิกว่า 22,548 ล้านบาท และกองหุ้นไทยกลุ่ม Large-Cap ที่มีเงินไหลเข้าประมาณ 18,446 ล้านบาท
ในทางกลับกัน กลุ่มกองทุนที่มีเงินไหลออกมากที่สุด 2 อันดับแรก คือ Foreign Investment Bond Fix Term ที่ไหลออกสุทธิ -72,752 ล้านบาท ตามด้วย Global Bond ที่ไหลออก -30,389 ล้านบาท
ในส่วนของการลงทุนในกองทุนต่างประเทศ (ไม่รวม Term Fund) พบว่าในไตรมาสนี้ มีเงินไหลเข้าสุทธิเพียง 29,074 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสภาพตลาดต่างประเทศ ยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนหลายประการ
แต่อย่างไรก็ตาม หากดูเฉพาะกลุ่มกองทุนที่มีเงินไหลเข้า 5 อันดับแรก ล้วนแต่เป็นกองทุนหุ้นทั้งสิ้น ซึ่งได้แก่กลุ่มกองทุน Asia Pacific ex-Japan Equity, Global Equity, Japan Equity, Emerging Market Equity และ China Equity ซึ่งแม้กลุ่มกองทุนดังกล่าวจะมีผลตอบแทนติดลบในช่วงไตรมาสแรก แต่นักลงทุนกลับมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมนั่นเอง
มาดูที่ผลงานของทุกกลุ่มกองทุนกันบ้าง ในช่วง 3 เดือนแรก พบว่ากองทุนประเภท Commodities Energy ทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างดี โดยทำผลตอบแทนได้ถึง +7.10% ซึ่งต่างจากปีที่แล้ว ที่ผลตอบแทนติดลบเพียงกลุ่มเดียว
ส่วนในกลุ่มกองทุนหุ้นนั้น พบว่า กองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่ เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่มีผลตอบแทนเป็นบวก โดยทำได้ +0.69% ในขณะที่กองหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ทำผลตอบได้ไม่ดีนัก ติดลบไป -2.92%
เช่นเดียวกับกองทุนหุ้นในตลาดต่างประเทศเกือบทุกตลาด ที่ทำผลตอบแทนติดลบทั้งสิ้น โดยกลุ่มกองทุน Japan Equity ผลตอบแทน -5.26%, Europe Equity -4.43%, Asia Pacific ex-Japan Equity -3.83%, US Equity -2.37%,China Equity -0.31%และ Emerging Market Equity ที่ -0.16%
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ เฉพาะกองทุนหุ้นไทย (ไม่รวม LTFและRMF) ที่พบว่ายังคงได้รับความนิยมจากนักลงทุนไทย โดยเฉพาะกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ที่มีเงินไหลเข้าสุทธิ 31,439 ล้านบาท ซึ่งตรงกันข้ามกับกองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก ซึ่งมีเงินไหลออกสุทธิ -1,697 ล้านบาท ส่งผลให้ 3 เดือนแรก มีเงินไหลเข้ากลุ่มกองทุนหุ้นไทยทั้งสิ้น 29,741 ล้านบาท
Money Channel