บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยตัวเลขแม้รายได้รวมลดลง แต่กำไรสุทธิรวมโดดเด่น นำโดยหมวดธุรกิจเหล็ก,ประกันภันและชีวิต

ลุ้น SET ไปถึง 1,600 จุด จากที่ SET ไต่ระดับยืนเหนือ 1,500 จุดมาได้ระยะหนึ่งแล้ว จะสามารถไปต่อได้อีกแค่ไหน อย่างไรก็ดีถือว่าตลาดหุ้นไทยพื้นฐานยังแกร่งอยู่ เนื่องจากตัวเลขผลการดำเนินงาน 2Q59 ออกมาแล้ว ข้อมูลงบการเงินของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีรายได้รวม 2,512,918 ล้านบาท ลดลง 4.52% จากงวดเดียวกันปีจากก่อน แต่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 245,247 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา 5.27% เทียบจาก 1Q59 เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ลดลง ส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น

ดร. สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลท. เปิดเผยถึงบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 558 บริษัท จากทั้งหมด 594 บริษัท หรือคิดเป็น 93.94% (รวมทั้งกองทุนอสังหาฯ, REIT, กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน)แต่ไม่นับรวมบริษัทที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือ NPG

จากรายได้รวมที่ลดลง เป็นผลมาจากหมวดธูรกิจและสาธารณูปโภคมียอดขายลดลงตามทิศทางราคาน้ำมัน แต่สำหรับกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น 11.83% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกำไรที่เพิ่มขึ้นของภาคการบริการและอุปโภคบริโภค ได้แก่ หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ หมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค

เมื่อพิจารณาฐานะความมั่งคงของกิจการแล้ว พบว่า โครงสร้างเงินทุนของบริษัทยัแข็งแกร่ง โดยมีอัตราหนี้สินต่อหุ้น (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 1.24 เท่า เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 1.22 เท่า เมื่องวดเดียวกันของปีก่อน

ตารางเปรียบเทียบหมวดธุรกิจในเรื่องของ ยอดขาย, อัตรากำไรขั้นต้น และกำไรสุทธิ

จะเห็นได้ว่าในไตรมาสนี้ บริษัทมีปัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากกำไรสุทธิที่เติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังเป็นไตรมาสแรกที่ยอดขายฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน อีกทั้งกลุ่มธุรกิจที่มีผลประกอบการเติบโตดี ทั้งยอดขาย อัตรากำไรขั้นต้น และกำไรสุทธิ สอดคล้องไปกับเศรษฐกิจมหภาค ที่อยู่ในภาคการบริการและอุปโภคบริโภค ได้แก่ หมวดธุรกิจการเกษตร อาหารและเครื่องดื่ม แฟชั่น ของใช้ในครัวเรือนและสำนักงาน ขนส่งและโลจิสติกส์ ยานยนต์ กระดาษและวัสดุการพิมพ์ และเหล็ก

โดยที่หมวดธุรกิจที่สามารถพลิกทำกำไรสุทธิได้สูง นำโดยหมวดธุรกิจ เหล็ก ประกันภัยและประกันชีวิต และขนส่งและโลจิสติกส์ ตามลำดับ 

สำหรับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ปรับตัวดีขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมียอดขายเติบโต 33,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.65% และกำไรสุทธิ 2,332 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 25.38% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : SET