สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -25 ต.ค. 61 12:45 น.
"สมคิด" วอนนักลงทุนอย่าตกใจหุ้นร่วง เชื่อหุ้นไทยยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ด้านมาตรการท่องเที่ยว ดึง 3 หน่วยงานเร่งหารือก่อนเสนอครม.ภายในต.ค.นี้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ว่า ไม่อยากให้นักลงทุนตกใจกับหุ้นที่ปรับตัวลดลง เพราะมั่นใจว่าตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนการมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวงการคลังในวันนี้นั้น ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เร่งจัดแพคเกจท่องเที่ยวปลายปี โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อให้มาตรการบังคับใช้กับเทศกาลท่องเที่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2561
“อย่า panic หรือ ตระหนก เพราะที่มันลงก็ไม่แปลก เพราะหุ้นไทยมีหุ้นน้ำมันเยอะ คือ เวลาลงเลยดูเหมือนว่าลงเยอะ แต่ก็ยังเชื่อว่ายังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่”นายสมคิด กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้เร่งรัดกระทรวงการคลังให้ผลักดันกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยเบื้องต้นมองว่ากฎหมายอาจไม่ทันบังคับใช้ตามแผนเดิมคือปี 2562 แต่จะล่าช้าไปถึงปี 2563 หรือไม่นั้น ยังต้องดูกระบวนการทางกฎหมาย นอกจากนี้ยังให้ผลักดันกฎหมายภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษี VAT จากการให้บริการในต่างประเทศซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกฤษฎีกา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
ด้านสวัสดิการของรัฐนั้น ในปีงบประมาณ 2562 จะเพิ่มงบเพิ่มเติมอีก 50,000 ล้านบาท รวมเป็น 100,000 ล้านบาท ในกองทุนสวัสดิการแห่งรัฐ โดยงบส่วนใหญ่นั้นจะให้ดูแลกลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมีจำนวนมาก และช่วงที่ผ่านมาการช่วยเหลือยังเข้าไม่ถึงกลุ่มคนดังกล่าว
ส่วนกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ที่เปิดขายไปแล้วนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่น่าพอใจ เนื่องจากได้การตอบรับจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เร่งผลักดันโครงการใหม่ (บราวฟิวล์) ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เข้ามาระดมทุนในโครงการดังกล่าว เพื่อในอนาคตจะช่วยลดภาระงบประมาณของแผ่นดิน และเป็นการลงทุนจากประชาชนเข้ามาด้วย
สำหรับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เร่งพิจารณา และผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อทดแทนการส่งออกในปีหน้าที่จะหายไปจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง และจากปัญหาสงครามการค้าด้วย ซึ่งทุกอย่างแม้ว่าตอนนี้จะนำไปสู่การเลือกตั้งในอีกไม่นาน แต่ทุกอย่างต้องพร้อมไม่อยากให้ดีเลย์ เนื่องจากกว่าจะได้รัฐบาลอย่างน้อยต้องใช้เวลา 1 ไตรมาสหลังเลือกตั้งเสร็จ เรื่องความมั่นใจของประเทศเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องให้ความชัดเจน