ส่องอนาคต 3 ทหารเสือ Facebook, Instagram และ WhatsApp (Cyber Weekend)
ทุกสิ่งที่ถูกประกาศในงานประชุม F8 2019 คือการบอกใบ้แนวทางพัฒนาการของเครือข่ายสังคมอันดับ 1 ของโลกอย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) และบริการอื่นในเครือ ความชัดเจนจากงานนี้คือ Facebook ต้องการให้โลกมองว่าตัวเองเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นความเป็นส่วนตัว แม้จะเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะสำหรับบางคนก็ตาม
Facebook จึงย้ำหนักหนาบนเวทีงานประชุมนักพัฒนาประจำปี 2019 ว่าจะปรับนโยบาย privacy ให้ผู้ใช้รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวมากขึ้นทั้งในแง่ของประสบการณ์การใช้งานและระบบเบื้องหลัง
ด้วยหลักการนี้ เจ้าพ่อมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) จึงสรุป 6 หลักการที่วางแผนจะฝังลงในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ บริษัท ได้แก่ การโต้ตอบแบบส่วนตัว (private interactions), การเข้ารหัส (encryption), การลดความถาวรของโพสต์ (reducing permanence), ความปลอดภัย (safety), การทำงานร่วมกัน (interoperability) และการจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย (secure data storage)
เมื่องาน F8 จบลง โลกรับรู้แล้วว่าการเข้ารหัสตั้งแต่ต้นจนจบหรือ end-to-end encryption เริ่มใช้งานกับระบบรับส่งข้อความอย่างแมสเสนเจอร์ (Messenger) และเครือข่ายสังคมภาพอย่างอินสตาแกรม (Instagram) โดยถูกตั้งเป็นค่าเริ่มต้นหรือ default เช่นเดียวกับการตั้งค่าในว็อตส์แอป (WhatsApp) อย่างไรก็ตาม ข่าวใหญ่ที่สุดในประเด็นนี้คือชาวโซเชียลจะสามารถส่งข้อความถึงกันผ่าน 3 บริการส่งข้อความหลักของ Facebook ทั้ง WhatsApp, Messenger และ Instagram ได้ในเร็ววันนี้
แน่นอนว่า เจ้าพ่อ Facebook ไม่ได้หวังจุดพลุเรื่องความเป็นส่วนตัวเท่านั้น เพราะยังมีประเด็นสำคัญอื่นที่จะกำหนดอนาคตของ 3 ทหารเสือภายใต้ธงของ Facebook ด้วย
Messenger ฟีเจอร์ใหม่เพียบ
ก่อนงาน F8 2019 บริการรับส่งข้อความของ Facebook อย่าง Messenger มีการโชว์ฟีเจอร์ใหม่ชื่อวอตช์ทูเกเธอร์ (watch together) ความพิเศษนั้นตรงตามชื่อคือการเปิดให้เพื่อนหรือคู่สนทนามีโอกาสได้ชมวิดีโอด้วยกัน ถือเป็นการอัปเดตที่สำคัญที่จะเกิดขึ้นกับแอป Messenger ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้คนที่อยู่ไกลกันคนละประเทศ มีความรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น
นอกจากนี้ Facebook ยังเน้นว่าจะมีแอป Messenger บนเดสก์ท็อปเวอร์ชันใหม่พร้อมให้บริการในปลายปีนี้ โดยจะต่อยอดในโครงการไลท์สปีดหรือ Project LightSpeed เพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับ Messenger ที่ไม่กินทรัพยากรเครื่อง เพราะสร้างขึ้นบนระบบการเขียนโปรแกรมใหม่ทั้งหมด
Facebook ยังเปิดตัวฟีเจอร์ระบบจองและนัดหมายใหม่ (appointment-booking feature) สำหรับแพลตฟอร์มบอท Messenger ที่มีมากกว่า 300,000 บอท โดยเครื่องมือใหม่นี้เชื่อว่าจะสามารถช่วยเร่งการปรับใช้บอทในธุรกิจเกือบ 40 ล้านรายทั่วโลกที่ใช้ Messenger เพื่อสื่อสารกับลูกค้าในขณะนี้
Instagram ขับเคลื่อนหลัก
ชัดเจนแล้วว่า Instagram เป็น 1 ในธุรกิจที่ดีที่สุดของ Facebook หลังจากที่ควักเงินซื้อเครือข่ายแบ่งปันภาพถ่ายในราคา 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อ 7 ปีก่อน ล่าสุด อาดัม มอสเซรี (Adam Mosseri) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Instagram เปิดเผย 3 การปรับปรุงสำคัญที่กำลังมาถึง ได้แก่ ฟีเจอร์รวมคอลเล็กชั่นผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรแล้ว (curated product collections), สติ๊กเกอร์บริจาคการกุศล (donation stickers) และหน้าตาอินเทอร์เฟซกล้องที่ปรับปรุงใหม่หมดจด
ข่าวใหญ่ในมุมของ Instagram ต้องยกให้โครงการ “ซ่อนไลค์” ที่ Instagram นำร่องเปิดตัวในแคนาดา หลักการคือ Instagram จะซ่อนจำนวนไลค์ไม่ให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ทราบว่ารูปภาพและวิดีโอทั้งหมดถูกกด Like มากน้อยเพียงใด มีเพียงผู้โพสต์เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เห็น ทั้งหมดนี้คล้ายกับสิ่งที่ทวิตเตอร์ (Twitter) เองก็กำลังทำเพื่อเปลี่ยนความสนใจจากผู้ใช้ ไม่ให้มองเฉพาะความนิยมเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้มุ่งเน้นที่คุณภาพของเนื้อหามากขึ้น
Facebook ปรับใหญ่ที่สุดใน 5 ปี
ท่ามกลางบริการอื่นในเครือที่สะท้อนความสดใหม่ของฟีเจอร์เด่น พี่ใหญ่อย่าง Facebook ก็ต้องปรับตัวเพื่อป้องกันไม่ให้อาณาจักรที่สร้างไว้มลายหายไป สำหรับงาน F8 2019 เจ้าพ่อ Mark Zuckerberg เปิดตัวดีไซน์ใหม่ที่ยกเครื่องการออกแบบทั้ง Facebook เวอร์ชันเว็บไซต์และแอปมือถือ โดยการันตีว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในแอปและเว็บไซต์ Facebook ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ดีไซน์ใหม่ Facebook ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาและเชื่อมต่อกับกลุ่มและกิจกรรมบน Facebook ที่ชื่นชอบได้ง่ายขึ้น ดีไซน์ใหม่จะขยายจากผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา ไปยังภูมิภาคอื่นต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนนับจากนี้
สำหรับปีนี้ Facebook ตัดสินใจต่อยอดจากบริการหาคู่นัดเดทที่เริ่มเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยบอกว่าจะเริ่มให้บริการ “เฟซบุ๊ก เดทติ้ง” (Facebook Dating) ใน 14 ตลาดใหม่ โดยจะยังจำกัดเฉพาะประเทศในเอเชียและลาตินอเมริกา จุดนี้พบว่าผู้ที่สามารถเข้าถึงบริการ Facebook Dating จะสามารถใช้ฟีเจอร์ชื่อซีเครทครัช (secret crush) บริการใหม่ที่จะเชื่อมโยงคน 2 คนที่แสดงความประทับใจในกันและกันได้
ข่าวเด่นอื่นที่เกี่ยวข้องกับ Facebook ยังมีเรื่องการออกแบบใหม่ของบริการเวิร์กเพลส (Workplace by Facebook) ซึ่งเป็น Facebook เวอร์ชันองค์กรที่จะเน้นการสนทนา, ฟีดข่าวและกลุ่มมากขึ้น จุดเด่นคือการเพิ่มแท็บการแจ้งเตือนใหม่ที่ถูกออกแบบให้เป็นกล่องจดหมาย ซึ่งจะรวมข้อมูลบทสนทนาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับงานหรือแผนกงานนั้น
นอกจากนี้ บริการมาร์เก็ตเพลส (Marketplace) กำลังถูก Facebook ปรับให้ผู้ขายสามารถจัดส่งสินค้าถึงลูกค้าทุกพื้นที่ในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ผู้ซื้อจะสามารถชำระค่าสินค้าได้โดยตรงภายใน Facebook แบบไม่ต้องออกไปที่เว็บไซต์หรือแอปอื่น
WhatsApp พัฒนาอีกขั้น
แอปส่งข้อความอย่าง WhatsApp ถูก Facebook ประกาศเปิดตัวชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ (SDK) ที่นักพัฒนาสามารถใช้เพื่อรวมระบบยืนยันบุคคล (verification) ของ WhatsApp เข้ากับระบบไอโอเอสและแอนดรอยด์ ทำให้แอปอื่นๆ (third-party apps) สามารถเปิดเสรีให้ผู้ใช้เลือก WhatsApp ในการรับรหัสยืนยันตัวตนเมื่อลงชื่อใช้งานได้
งานนี้ Facebook ยังเพิ่มเครื่องมือใหม่ที่เรียกว่าแคตตาล็อกผลิตภัณฑ์หรือ Product Catalog ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ WhatsApp เห็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ WhatsApp Business คาดว่าจะเปิดใช้เครื่องมือใหม่ในปลายปีนี้
VR, AR และ AI ร้อนระอุ
นอกจากการเพิ่มเขี้ยวเล็บให้ทหารเสือหลักของบริษัท ธุรกิจอุปกรณ์แสดงภาพเสมือนจริงของ Facebook อย่างโอคูลัส (Oculus) ก็มีข่าวใหญ่ในงานนี้ด้วย โดย Oculus เปิดตัวชุดหูฟังชื่อเควสต์ (Quest) และริฟต์ เอส วีอาร์ (Rift S VR) คาดว่าจะเริ่มจัดส่งได้ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ ท่ามกลาง 53 เกมที่รองรับตั้งแต่เปิดตัว
จุดเด่นของ Oculus Quest คือการตัดสายเคเบิลทุกอย่างทิ้งไป และปรับรูปแบบตำแหน่งการติดเซ็นเซอร์บนอุปกรณ์
สำหรับสินค้ากลุ่ม augmented reality (AR) เจ้าพ่อ Mark Zuckerberg ประกาศบนเวที F8 2019 ว่าแพลตฟอร์มการสร้างแอปเสมือนจริง Spark AR Studio ของ Facebook สามารถรองรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (Windows) แล้ว แถมบริษัทยังมีแผนจะเปิด Instagram ให้กับนักพัฒนาในโครงการ Spark AR ทั้งหมดภายในปลายปีนี้
ที่สำคัญอีกจุดคือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ปีนี้ Facebook ใช้ F8 2019 เป็นเวทีเปิดตัวเครื่องมือทดสอบการเรียนรู้ด้วยเครื่องชื่อแอ็กซ์ (Ax) การันตีว่าจะช่วยให้นักพัฒนา AI ทำการทดลองเพื่อสร้างโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ข้อมูลระบุว่า Ax จะเป็นระบบที่ครอบระบบการเรียนรู้เชิงลึกชื่อไพทอร์ช (PyTorch) ซึ่ง Facebook ใช้ภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบริการ AI
ระบบ AI นี้เองที่ Facebook มั่นใจว่าจะสามารถต่อสู้กับการละเมิดและการใช้งานเชิงลบทั่วทั้งแพลตฟอร์ม ทั้งกระบวนการแทรกแซงการเลือกตั้ง การแพร่กระจายของข่าวปลอม รวมถึงข้อความที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าอนาคตของ Facebook จะต้องหนีห่างจากเรื่องเหล่านี้ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่เช่นนั้น อนาคต Facebook ก็จะมัวหมองแน่นอน.
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก