ห้องเม่าปีกเหล็ก

สำรวจ 3 หุ้นกู้ “ไม่มีเรทติ้ง” กลุ่มอสังหาฯ

โดย STAND UP
เผยแพร่ :
227 views

สำรวจ 3 หุ้นกู้ “ไม่มีเรทติ้ง” กลุ่มอสังหาฯ

มีความเสี่ยงแค่ไหน? หลัง ALL ผิดนัดจ่ายดอกเบี้ย

 

.

จากกรณีของ ALL ที่ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้วงเงิน 10 ล้านบาทได้ตามกำหนด เนื่องจากขาดสภาพคล่อง และมีเงินสดหมุนเวียนไม่เพียงพอ ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและเทขายหุ้นของ ALL รวมถึงหุ้นอสังหาริมทรัพย์ตัวอื่นๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในมุมมองของนักวิเคราะห์มองว่ากรณีดังกล่าวเป็นปัจจัยเฉพาะตัว รวมถึงภาพรวมอุตสาหกรรมยังคงแข็งแรง

.

โดยบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ประเด็นการผิดนัดชำระดอกเบี้ยของ ALL ถือเป็นเรื่องเฉพาะตัวของบริษัทที่มีปัญหาสภาพ คล่องทางการเงิน เชื่อว่าไม่กระทบต่อภาพรวมกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะ ผู้ประกอบการที่ฝ่ายวิจัยศึกษาทั้ง 15 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่ถือเป็นบริษัทรายกลาง-ใหญ่ พบว่ายังมีฐานะการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี พิจารณาจากอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้วัดความเสี่ยงธุรกิจ คือ อัตราหนี้สินต่อทุนสุทธิ (Net Gearing) อยู่ในกรอบ 1-1.5 เท่า มาโดยตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา และล่าสุด ณ ก.ย. 2565 อยู่ที่ระดับ 0.95 เท่า โดยมีภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ย จ่ายรวม 3.46 แสนล้านบาท (รวม Perp Bond) และสัดส่วน 59% หรือ 2.04 แสนล้าน บาท อยู่ในรูปแบบหุ้นกู้ระยะสั้นและระยะยาว หากพิจารณาถึงระยะเวลาชำระคืนหุ้นกู้ ภายใน 1 ปีข้างหน้า มีทั้งสิ้น 6.1 หมื่นล้านบาท หลัก ๆ สัดส่วนเกือบ 50% มาจาก LH (1.24 หมื่นล้านบาท), SPALI (8.5 พันล้านบาท) และ SIRI (8 พันล้านบาท) ซึ่งล้วนถือเป็น ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีสายป่านยาว เน้นธุรกิจแนวราบที่มีกระแสเงินสดหมุนเร็ว และ การเงินยังอยู่ในเกณฑ์ดี จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องสภาพคล่องแต่อย่างใด

.

ขณะเดียวกันกรณีดังกล่าวข้างต้นนอกจากจะกระทบต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาฯ แล้ว อาจกระทบต่อความความเชื่อมั่นการลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทอสังหาฯ ด้วย โดยเฉพาะหุ้นกู้ที่ไม่ได้รับการจัดลำดับความน่าเชื่อจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agency) ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่สามารถเปรียบเทียบความเสี่ยงระหว่างหุ้นกู้ตัวนั้นๆ กับหุ้นกู้อื่นๆ ในบริษัทได้ ซึ่งวันนี้ Wealthy Thai ก็มีข้อมูลหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทอสังหาฯ 3 แห่ง มาฝากนักลงทุน มาดูกันว่าหุ้นกู้แต่ละตัวให้ผลตอบแทนจูงใจแค่ไหน เพียงพอที่จะมองข้ามความเสี่ยงที่ประเมินไม่ได้หรือไม่

.

สำหรับหุ้นกู้ตัวแรกมาจาก บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF โดยออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ซึ่งผู้ออกมีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดได้ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 2566 อายุ 1 ปี 9 เดือน มูลค่าเสนอขายไม่เกิน 1,600 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นกู้ปกติไม่เกิน 1,100 ล้านบาท และหุ้นกู้สำรองไม่เกิน 500 ล้านบาท ดอกเบี้ย 6.85% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่

.

โดย ทริสเรทติ้ง จัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ หรือ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ BB ส่วนหุ้นกู้ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ด้านวัตถุประสงค์การใช้เงิน คือ ชำระคืนหุ้นกู้ PF232A จำนวน 500 ล้านบาท และชำระคืนหนี้หุ้นกู้อื่นๆ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท 1,100 ล้านบาท

.

นักลงทุนที่สนใจสามารถจองซื้อได้ระหว่างวันที่ 31 ม.ค. และ 1 – 2 ก.พ. 2566 โดยมี บล.สยามเวลธ์, บล.ดาโอ (ประเทศไทย), บล.เคจีไอ (ประเทศไทย), บล.บลูเบลล์, บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง, บล.หยวนต้า (ประเทศไทย), บล.โกลเบล็ก เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

.

ถัดมาเป็นหุ้นกู้จากบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA โดยคาดว่าจะออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด มูลค่าไม่เกิน 1,200 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน

.

หุ้นกู้ดังกล่าวแบ่งออกเป็น ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 3 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 อัตราดอกเบี้ย 7.00% ต่อปี และ ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2569 อัตราดอกเบี้ย 7.25% ต่อปี โดย ทริสเรทติ้ง จัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ หรือ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ BB+ ส่วนหุ้นกู้ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ

.

ด้านวัตถุประสงค์การใช้เงิน คือ ใช้เป็นเงินลงทุนในการพัฒนาโครงการในบริษัทฯ ไซมิสพระราม 9,ไซมิสรังสิต, ไซมิส ตลิ่งชัน, และ บมจ.ไซมิส แอสเสท, ใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ได้แก่ ธุรกิจ AMC, ธุรกิจโรงแรม, ธุรกิจร้านอาหาร, ธุรกิจสปา, ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี ของบริษัทฯ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและเงินทุนสำรอง

.

สำหรับนักลงทุนที่สนใจสามารถจองซื้อได้ระหว่างวันที่ 24 – 26 ม.ค. 2566 โดยมี บล.ดาโอ (ประเทศไทย) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้และผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ร่วมกับ บล.โกลเบล็ก, บล.เอเอสแอล, บล.ไอร่า, บล.เคจีไอ (ประเทศไทย), บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์, บล.สยามเวลธ์, บล.บียอนด์ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้

.

และสุดท้ายบริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ A โดยออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด มูลค่ารวมไม่เกิน 2,000 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยหลักประกัน คือ สิทธิในบัญชีเงินฝากซึ่งจะได้จดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจไว้กับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ในอัตราส่วน 1ต่อ 1 ของมูลค่าหุ้นกู้ที่ขายได้ทั้งหมดในวันออกหุ้นกู้

.

หุ้นกู้ดังกล่าวแบ่งออกเป็น 1. อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2568 อัตราดอกเบี้ย 6.85% ต่อปี, 2. อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2569 อัตราดอกเบี้ย 7.25% ต่อปี, 3. อายุ 4 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2570 อัตราดอกเบี้ยเป็นขั้นบันได ดังนี้ อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 ที่ 7.25% ต่อปี, อัตราดอกเบี้ยปีที่ 2 ที่ 7.25% ต่อปี, อัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 ที่ 7.50% ต่อปี และ อัตราดอกเบี้ยปีที่ 4 ที่ 8% ต่อปี

.

โดย ทริสเรทติ้ง จัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ หรือ บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ B+ ส่วนหุ้นกู้ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ส่วนวัตถุประสงค์การใช้เงิน ได้แก่ ชำระคืนหุ้นกู้ A231A จำนวน 971.20 ล้านบาท, ชำระคืนหุ้นกู้ A233A จำนวน 645.00 ล้านบาท, ชำระคืนหุ้นกู้ระยะสั้น ครั้งที่ 1/2565 จำนวน 150 ล้านบาท, ชำระคืนเงินกู้ยืมอื่นๆ ไม่เกิน 65 ล้านบาท และเป็นเงินทุนหมุนเวียน 168.80 ล้านบาท

.

สำหรับนักลงทุนที่สนใจสามารถจองซื้อระหว่างวันที่ 5-6 ม.ค. และ 9-10 ม.ค. 2566 โดยมี บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์, บล.ดาโอ (ประเทศไทย), บล.พาย, บล.สยามเวลธ์, บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย), บล.เอเอสแอล, บล.บียอนด์, บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) และ บล.คิงส์ฟอร์ด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และ มีบล.เอเซีย พลัส เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

 

 


STAND UP