(WALL-E)conomics: โลกที่ถูกทิ้งไว้กับหุ่นยนต์
มนุษย์สร้างยานอวกาศสุดล้ำ และใช้ชีวิตอยู่บนนั้นกว่า 700 ปี
หรือกว่า 255,642 วัน บนยาน Axiom
กิน-นอน-ช้อป-ดูจอ บนเก้าอี้ตัวเดียว...
โดยไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่จะหันกลับไปถามว่า…
“โลกที่เราทิ้งไว้... ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ทั้งที่เรามีเทคโนโลยีก้าวหน้า
กลับไม่มีใครจัดการแม้แต่ “ขยะ” บนโลก

WALL-E จึงไม่ใช่แค่การ์ตูนรักไซไฟ
แต่มันคือกระจกสะท้อนระบบเศรษฐกิจ
ที่มุ่งผลิต เติบโต และบริโภคอย่างไม่หยุดยั้ง
“หลีกเลี่ยงต้นทุน” ที่ไม่มีใครบวกเข้าไปในราคา
Negative Externality: ราคาสินค้าไม่ได้รวม “ต้นทุนที่แท้จริง”
ผู้ผลิตผลิตสินค้า ผู้คนบริโภคอย่างไร้ขีดจำกัด ขยะกองพะเนินเต็มโลก
แต่ราคาสินค้าไม่เคยรวม “ค่าขจัดขยะ” หรือ “ค่าความเสียหายของระบบนิเวศ” เข้าไปเลย
ผลคือ โลกกลายเป็นถังขยะใบใหญ่—
เพราะต้นทุนเหล่านั้นถูกผลักไปให้ "คนรุ่นถัดไป" หรือไม่ก็ไม่มีใครรับผิดชอบเลย
Tragedy of the Commons: ทุกคนใช้ แต่ไม่มีใครดูแล
ในหนังเรื่อง WALL-E ไม่มีใครรับผิดชอบต่อโลก
เพราะโลกเป็นของ “ทุกคน” จนกลายเป็น “ไม่ใช่ของใคร”
ขยะล้น โลกพัง และทรัพยากรถูกใช้เกินพอดี
ทั้งหมดเกิดจากความคิดที่ว่า "ไม่ใช่หน้าที่ของเรา”
AI & Automation: มนุษย์ถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์
บนยาน Axiom...
มนุษย์ใช้ชีวิตอยู่บนเก้าอี้อัตโนมัติ มีหุ่นยนต์ดูแลทุกเรื่อง
ตั้งแต่อาหาร เสื้อผ้า ไปจนถึงการขยับตัว
นี่คือโลกที่ “เทคโนโลยีมาแทนแรงงาน” โดยสมบูรณ์
และมนุษย์ “ไม่ได้พัฒนาทักษะใดๆ” เลยตลอด 700 ปี
แรงงานหมดความหมาย
ทักษะกลายเป็นสิ่งล้าสมัย
และชีวิตของมนุษย์… เหลือเพียงบทบาทของ “ผู้บริโภค”
Monopoly: โลกที่ถูกควบคุมด้วยบริษัทเดียว
Buy-N-Large ไม่ได้ขายแค่ของ—แต่ “ปกครองโลก”
ไม่มีรัฐ ไม่มีระบบตรวจสอบ ไม่มีการแข่งขัน
คือระบบเศรษฐกิจที่ไม่มีใครคุม ไม่มีใครห้าม ไม่มีใครรับผิด
บริษัทเดียวกลายเป็นทั้งผู้ผลิต ผู้ควบคุม และผู้กำหนดชีวิตของมนุษย์ทั้งหมด
เมื่อ "การบริโภค" กลายเป็นเป้าหมายสูงสุด
มนุษย์ก็กลายเป็นเพียงกลไกในระบบอัตโนมัติ
และสิ่งที่ WALL-E เจอ... ไม่ใช่แค่ต้นไม้
แต่มันคือ “ความหวังเล็กๆ” ที่ยังงอกอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
มันอาจจะกำลังบอกเราว่า…
การเติบโตที่แท้จริง ต้องไม่ใช่แค่การสะสมเทคโนโลยี
แต่คือการกลับมารับผิดชอบต่อสิ่งที่เคยละเลย
WALL-E อาจทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า…
เรากำลังเดินหน้าไปสู่โลกแบบไหน?
โลกที่สะดวกสบายแต่ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง?
หรือโลกที่เติบโตโดยไม่ทำลายรากของตัวเอง?
.
เรื่องและภาพ: พรปวีณ์ ธรรมวิชัย Economist, Bnomics
════════════════
เนื้อหาที่มาจาก. Bnomics by Bangkok Bank