ห้องเม่าปีกเหล็ก

'เอไอเอส-ทรู' ชิงดำประมูลคลื่นรอบใหม่

โดย Edrink
เผยแพร่ :
63 views

'เอไอเอส-ทรู' ชิงดำประมูลคลื่นรอบใหม่ กสทช.ดีเดย์เคาะราคา 29 มิ.ย.นี้

By ปานฉัตร สินสุข

 

 

สำนักงาน กสทช. เปิดยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นมือถือรอบใหม่ จับตาสภาผู้บริโภคฟ้องศาลหวั่นผูกขาดยิ่งกว่าเดิม ด้านนักวิชาการจี้สร้าง MVNO ถ่วงดุลตลาดโทรคมฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (29 พฤษภาคม 2568) นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รองเลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้กำหนดจัดให้มีการยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 

สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ย่าน 850 MHz 1500 MHz 2100 MHz และ 2300 MHz โดย มีบริษัทที่เข้ายื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ณ หอประชุมสายลม 5011 อาคารหอประชุม ชั้น 1 สำนักงาน กสทช

 

สำหรับคลื่นความถี่ที่นำออกมาประมูลในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 

 

  • 1.) คลื่นความถี่ย่านต่ำ (Low Band) ได้แก่ คลื่นความถี่ ย่าน 850 MHz
  • 2.) คลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) ได้แก่ คลื่นความถี่ ย่าน 2100 MHz 2300 MHz เป็นคลื่นความถี่ย่านที่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน
  • 3.) คลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) ย่าน 1500 MHz ซึ่งไม่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน

โดยคลื่นความถี่ย่านต่ำ (Low Band) ย่าน 850 MHz ช่วงความถี่วิทยุ 824 – 834 MHz คู่กับ 869 – 879 MHz มีราคาขั้นต่ำต่อชุดเป็นจำนวนเงิน 7,738.23 ล้านบาท จำนวน 2 ชุด ชุดละ 2 x 5 MHz 

ส่วนคลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) ที่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบันย่าน 2100 MHz ช่วงความถี่วิทยุ 1965 – 1980 MHz คู่กับ 2155 – 2170 MHz มีราคาขั้นต่ำต่อชุดเป็นจำนวนเงิน 4,500 ล้านบาท จำนวน 3 ชุด ชุดละ 2 x 5 MHz 

และย่าน 2300 MHz ช่วงความถี่วิทยุ 2300 – 2370 MHz มีราคาขั้นต่ำต่อชุดเป็นจำนวนเงิน 2,596.15 ล้านบาท จำนวน 7 ชุด ชุดละ 10 MHz และคลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) ที่ไม่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน ย่าน 1500 MHz ช่วงความถี่วิทยุ 1452 – 1507 MHz มีราคาขั้นต่ำต่อชุดเป็นจำนวนเงิน 1,057.49 ล้านบาท จำนวน 11 ชุด ชุดละ 5 MHz

ทั้งนี้ หลังจากการยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ ขั้นตอนต่อจากนี้คือสำนักงาน กสทช. จะตรวจสอบคุณสมบัติผู้ขอรับใบอนุญาตจะระหว่างวันที่ 30 พ.ค. -5 มิ.ย. 2568 ก่อนเสนอผลต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช. เพื่อพิจารณาและแจ้งผลในช่วงวันที่ 6-13 มิ.ย. 2568 โดยอุทธรณ์ผลการพิจารณาได้ในวันที่ 16-18 มิ.ย. 2568 จากนั้น สำนักงาน กสทช. จะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติในวันที่ 19 มิ.ย. 2568 พร้อมจัดการประมูลจำลอง (Mock Auction) เพื่อเตรียมความพร้อมในวันที่ 23 มิ.ย. 2568 ก่อนเข้าสู่การประมูลจริงในวันที่ 29 มิ.ย.ดังกล่าว ณ สำนักงาน กสทช.

'ซิกเว่' นำทัพทรูมายื่นซองรายแรก

สำหรับบรรยากาศการยื่นซองในวันดังกล่าว นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร ได้ยื่นคำขอเพื่อเข้าประมูลคลื่นความถี่ที่ กสทช. เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เวลา 11.09 น. โดยระบุว่า เป็นไปตามมติของคณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบให้บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด เข้ายื่นคำขอเพื่อเข้าร่วมประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่โทรคมนาคม ตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ย่าน 850MHz 1500 MHz 2100 MHz และ 2300 MHz โดยการพิจารณาเข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ 

โดยบริษัทได้มีการวิเคราะห์และประเมินอย่างละเอียดถี่ถ้วน รวมทั้งได้ว่าจ้างที่ปรึกษาภายนอกเข้ามาทำการศึกษาความเหมาะสมในการลงทุนในแต่ละย่านคลื่นความถี่ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้า และการใช้งานสื่อสารดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งเพื่อส่งเสริมพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ภาคเศรษฐกิจ ภาคสังคม และมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการประมูลครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสสำคัญที่บริษัท จะทำให้ดีที่สุดไม่ใช่แค่เพื่อลูกค้าแต่รวมถึงเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้ก้าวสู่ผู้นำในภูมิภาคอีกด้วย

เอไอเอสถือฤกษ์ดีเวลา 14.14 น. 

จากนั้นในช่วงเวลา 14.14 น. ทางบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส นำโดย นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ ได้เข้ายืนเอกสารคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ กับสำนักงาน กสทช. โดยมี  นายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กสทช. ด้านโทรคมนคม เป็นผู้รับเอกสาร

ลุ้นศาลฯจะเบรกประมูลหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 สภาผู้บริโภคเครือข่ายองค์กรของผู้บริโภค และชมรมสันติประชาธรรม ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนประกาศของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งมีการฟ้องร้องสำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. ร่วมด้วย

นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า การฟ้องร้องในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนประกาศของ กสทช. และให้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การประมูลใหม่ ให้เอื้อต่อการแข่งขันที่เป็นธรรม

และเปิดทางให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาด และมีกลไกควบคุมคุณภาพบริการหลังประมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับบริการโทรคมนาคมที่มีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม ขณะที่ตลาดโทรคมนาคมในประเทศไทยขณะนี้เหลือผู้ประกอบการหลักเพียง 2 รายใหญ่ทำให้การแข่งขันลดลงอย่างมาก 

แนะคืนชีพโมเดลMVNOเพิ่มทางเลือก

นายพรเทพ เบญญาอภิกุล ผู้อำนวยการโครงการเศรษฐศาสตรบัณฑิต หลักสูตรนานาชาติ และอาจารย์ประจำคณะคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า ส่วนตัวรู้สึกกังวลในประเด็นที่สอดคล้องกับที่สภาผู้บริโภคและเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคแสดงความกังวล เนื่องจากคลื่นความถี่ที่ใช้ในการประมูลครั้งนี้มีจำนวนค่อนข้างมาก และบางส่วนเป็นการเปิดให้ยื่นประมูลล่วงหน้าทั้งที่คลื่นยังไม่ครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญาเดิม เช่น 2100 MHz ซึ่งยังเหลืออายุอีก 3 ปี จึงน่ากังวลว่าคลื่นอาจกระจุกตัวอยู่กับผู้ให้บริการ 2 รายใหญ่ ทั้งที่ยังไม่มีมาตรการส่งเสริมการแข่งขันที่ชัดเจน

นอกจากนี้ กสทช. จะต้องยืนยันให้ได้ว่าในการประมูลครั้งนี้ แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหญ่เพียง 2 ราย ในประมูลคลื่นมากถึง 4 ย่านความถี่ กสทช. จะสามารถรักษาผลประโยชน์และสร้างผลประโยชน์ให้กับผู้บริโภคได้ เช่น การจัดทำมาตรการด้านราคาที่ยืดหยุ่น หรือการออกแพ็คเกจที่ถูกลงสำหรับผู้มีรายได้น้อย รวมไปถึงการบังคับใช้มาตรการกำกับดูแลการแข่งขันอย่างเข้มงวด ตามอำนาจที่ กสทช. มีอยู่เดิม ผ่านการตรวจสอบและกำหนดว่า ผู้ประกอบการรายใดกำลังเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดหรือไม่ จากนั้นให้ออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกำกับและควบคุมไม่ให้ผู้มีอำนาจเหนือตลาดใช้อำนาจของตนไปในทางที่ไม่ชอบ

นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวอีกว่า ภายหลังจากการประมูลคลื่นความถี่สิ้นสุดลง กสทช. ควรจะต้องมีมาตรการในการรองรับเพื่อเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้บริโภค เช่น มาตรการการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบโครงข่ายเสมือน (MVNO)  ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ไม่มีคลื่นความถี่เป็นของตนเองสามารถให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานหรือโครงข่ายโทรคมนาคม เช่น เสา หรือเครื่องอุปกรณ์โทรคมนาคม

“ถึงแม้ว่าประเทศเราจะมีผู้ให้บริการรายใหญ่อยู่เพียงแค่ 2 ราย แต่ถ้าเราสามารถที่จะสร้างผู้ประกอบการรายเล็กอย่าง MVNO ที่ไม่ต้องมีเครือข่ายเป็นของตัวเอง ไม่ต้องลงทุนเยอะ แต่สามารถที่จะให้บริการหรือสร้างตลาดที่เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ก็อาจจะเป็นการสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้”

 

 

ที่มา..  https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1182559

 


Edrink