พะยูน: สัตว์ทะเลตัวละล้าน กับเศรษฐกิจใต้ผิวน้ำ
บางคนบอกว่า…ถ้าพะยูนสูญพันธุ์ ก็แค่สัตว์ชนิดหนึ่งที่หายไปจากทะเล
แต่สำหรับเกาะลิบง—นั่นอาจหมายถึงการล่มสลายทั้งระบบเศรษฐกิจชุมชน
พะยูน: ไม่ใช่แค่สัตว์หายาก แต่คือ “โครงสร้างเศรษฐกิจ”
พะยูนคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเล กินหญ้าทะเลเป็นหลัก และมีบทบาทสำคัญต่อความสมดุลของระบบนิเวศใต้ทะเลอันดามันและอ่าวไทย
จากจุดต่ำสุดเพียง 200 ตัวในปี 2557 ล่าสุดปี 2566 พะยูนเพิ่มขึ้นเป็น 282 ตัว หรือเติบโตเฉลี่ย 3.89% ต่อปี
ส่วนหนึ่งมาจากความร่วมมือระหว่างรัฐ นักอนุรักษ์ และชาวบ้านที่เห็นคุณค่าของสิ่งที่มองไม่เห็น
แต่ในขณะที่ประชากรเพิ่มขึ้น...ตัวเลข “พะยูนเกยตื้น” ก็เพิ่มขึ้นตาม
จาก 11 ตัวในปี 2557 พุ่งเป็น 36 ตัวในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 200% ภายใน 10 ปี
โดยสาเหตุหลักมาจากโรค (32%) ขยะทะเล (20%) และอุบัติเหตุจากเรือ (20%)
หากแต่ละตัวมีมูลค่าโดยรวมปีละหลักแสนถึงล้านบาท การสูญเสียปีละหลายสิบตัว
อาจหมายถึงต้นทุนทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยอยู่ในงบประมาณแผ่นดิน

เกาะลิบง: เมืองหลวงของพะยูน กับโมเดลเศรษฐกิจเชิงนิเวศ
“ถ้าไม่มีพะยูน คนลิบงก็อยู่ไม่ได้” คำกล่าวนี้ไม่ใช่คำเปรียบเปรย แต่คือข้อเท็จจริงทางเศรษฐกิจ
เกาะลิบง จังหวัดตรัง เป็นแหล่งหญ้าทะเลที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในไทย และเป็นบ้านของพะยูนจำนวนมากที่สุดในประเทศ รายได้ของชาวบ้านจำนวนมากผูกโยงกับกิจกรรมที่เกิดจากการอนุรักษ์ ไม่ว่าจะเป็นการนำเที่ยวทางทะเล การจัดการขยะ การฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล และการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำเศรษฐกิจ เช่น หอยชักตีน หอยเป๋าฮื้อ และปลิงทะเล
กลุ่ม “อาสาสมัครพิทักษ์ดุหยง” ที่ตั้งขึ้นในปี 2554 จึงไม่ใช่แค่กลุ่มอนุรักษ์ แต่เป็นรากฐานของโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ที่ผูก “ความยั่งยืน” เข้ากับ “รายได้ที่แท้จริง”
พะยูน = ระบบเตือนภัยเศรษฐกิจในทะเล
ในเชิงนิเวศ พะยูนคือดัชนีชี้วัดสุขภาพของหญ้าทะเล
ในเชิงเศรษฐกิจ พะยูนคือผู้สร้างมูลค่าโดยไม่ต้องจับมาขาย
แค่มีพะยูนอาศัยอยู่ ก็เท่ากับระบบนิเวศยังทำงาน และสัตว์น้ำเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น หอยนางรม ปลิงทะเล และปูม้า ยังสามารถอยู่ได้ต่อไป
ขณะเดียวกัน ภาคการท่องเที่ยวดำน้ำ ดำน้ำตื้น และเที่ยวทะเล ก็ยังมี “แรงจูงใจ” สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่อย่างสิมิลัน หลีเป๊ะ หรือสุรินทร์ ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล
พะยูนจึงเป็น “ทรัพยากรที่ไม่อยู่ในบัญชี GDP”
แต่มีบทบาทในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระดับชุมชน
จากสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ สู่โครงสร้างใหม่ของเศรษฐกิจไทย
แม้การอนุรักษ์ของชาวลิบงจะประสบความสำเร็จจนพะยูนเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ก็ยังไว้วางใจไม่ได้ เพราะปัญหาโลกร้อน ขยะทะเล และการประมงผิดกฎหมายยังคงเป็นแรงเสียดทานสำคัญ
หากแต่ละตัวสามารถสร้างมูลค่ารวมทางตรงและทางอ้อมเฉลี่ยปีละหลักแสนถึงล้านบาท
การสูญเสียพะยูนปีละหลายสิบตัวจึงไม่ใช่แค่เรื่องของธรรมชาติ
แต่เป็นหนึ่งใน “รายจ่ายซ่อนเร้น” ที่เศรษฐกิจไทยไม่เคยนับรวม
การฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจฐานทรัพยากรจึงไม่ควรปล่อยให้เป็นภาระของชุมชนเพียงลำพัง แต่ต้องได้รับการสนับสนุนทั้งงบประมาณ เทคโนโลยี และกฎหมายที่เท่าทัน
บทสรุป: พะยูนคือเศรษฐกิจที่ไม่มีในงบประมาณ แต่ขาดไม่ได้
ในวันที่เราวัดความสำเร็จของประเทศด้วยตัวเลขส่งออก รายได้ภาษี และ GDP
สัตว์ที่ไม่มีแบรนด์ ไม่มีภาษี และไม่มีใบเสร็จอย่าง “พะยูน”
กลับเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนกว่าที่เราคิด
พะยูนไม่เคยส่งออก ไม่จ่ายภาษี และไม่มีแบรนด์
แต่มันรักษาระบบเศรษฐกิจไว้ โดยที่เราไม่เคยออกใบเสร็จให้มันเลย
คำถามจึงไม่ใช่ว่า “จะคุ้มไหมที่ต้องปกป้องพะยูน”
แต่คือ...
ถ้าไม่มีพะยูน—เรายังเหลือเศรษฐกิจแบบไหนอยู่บ้าง?
.
เรื่องและภาพ: สิทธิศักดิ์ ชุณหรุ่งโรจน์ Economist, Bnomics
════════════════
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก… Bnomics by Bangkok Bank