คาด “เงินเฟ้อ” ยังอยู่ระดับสูงในครึ่งหลังปีนี้
ตัวเลขสำคัญ
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ เดือน มิ.ย.2566 เพิ่มขึ้น 3.0% YoY และ 0.2% MoM (เทียบกับที่ตลาดคาดไว้ที่ +3.1% YoY และ +0.3% MoM) อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ลดลงเร็วจาก 4.0% YoY ในเดือนพ.ค. มาอยู่ที่ 3.0% YoY ในเดือนมิ.ย. ไม่เพียงแต่เป็นการปรับลดลง 12 เดือนติดต่อกันแล้ว แต่ยังเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนมี.ค.2564 หรือในรอบกว่า 2 ปี โดยมีปัจจัยฉุดหลักจากดัชนีราคาพลังงานในตะกร้าดัชนีที่ลดลง 16.7% YoY หลักๆมาจากฐานที่สูงปีก่อนหลังเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ เดือน มิ.ย.2566 เพิ่มขึ้น 4.8% YoY และ 0.2% MoM (เทียบกับที่ตลาดคาดไว้ที่ +5.0% YoY และ +0.3% MoM) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานไม่รวมพลังงานและอาหารปรับลดลงยากกว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป โดยดัชนีราคาที่อยู่อาศัยคิดเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดของอัตราที่เพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งมาจากค่าเช่าที่อยู่อาศัยและค่าวงดผ่อนบ้านที่สูงขึ้นหลัง Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ด้านเงินเฟ้อของกลุ่มบริการในสหรัฐฯ ไม่รวมกลุ่มที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีวัดเงินเฟ้อหลักที่ Fed จับตาดูมีการปรับตัวลดลงจาก 4.6% ในเดือน พ.ค. มาอยู่ที่ 4.0% ในเดือน มิ.ย.
มุมมอง KS
อยู่ที่ Fed มองเอาไงมากกว่าแล้วตอนนี้ อัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ และลดลงเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ ดังนั้น ตลาดจึงเชื่อว่าแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อที่บรรเทาลงอาจจะทำให้ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC ในวันที่ 26 ก.ค.2566 และถือว่าเป็นการปรับขึ้นครั้งสุดท้ายในวัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้หรือจาก 5.25% มาอยู่ที่ 5.50%
อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่เรื่องเงินเฟ้อแล้ว แต่อยู่ที Fed มากกว่าว่าจะเอาไงต่อ ซึ่งปัจจุบัน Fed ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับเรื่องอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานและด้านบริการที่ปรับลดลงช้า ซึ่งจริงๆแล้วถือเป็นเรื่องปกติที่จะเคลื่อนไหวช้ากว่าเพราะดัชนีเงินเฟ้อสองตัวนี้โดยปกติแล้วจะใช้เวลาช้ากว่าราว 3-6 เดือนกว่าจะเคลื่อนไหวตามอัตราเงินเฟ้อทั่วไป
เรามองว่า Fed จะยังคงอ้างประเด็นนี้ในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลังจากเดือน มิ.ย. ไปเราคาดว่าการปรับตัวลงของอัตราเงินเฟ้อจะช้าลงแล้ว ไม่ได้ลงทีละ 1% ต่อเดือนแบบที่เห็นในช่วงที่ผ่านมา เราคาดเงินเฟ้อในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะอยู่ที่เฉลี่ยราว 3% และจะกลับมาอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ Fed ตั้งไว้ที่ 2% ได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2567
พอร์ตลงทุนน่าจะมุ่งเน้นไปยังหุ้น global play อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเป็น 2% จาก 1% เมื่อเดือนที่แล้วซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะทางการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น แต่ยังไม่ถึงระดับที่จะฉุดสภาวะเศรษฐกิจ เราประเมินว่าแรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่จัดการกอปรกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้เนื่องจากวัฏจักรช่วงขาลงของภาคการผลิตตอนนี้กินเวลานานถึง 7 ไตรมาสแล้ว
ใกล้เคียงกับระดับระยะเวลาเฉลี่ยของวัฎจักรขาลง 20 รอบที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2491 ดังนั้น เราจึงคงมุมมองบวกต่อการลงทุนในทรัพย์สินเสี่ยงแต่มองว่าอาจมีความผันผวนระยะสั้นได้หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed อีกครั้งในการประชุม FOMC วันที่ 20 ก.ย.2566 ด้วยภาคการผลิตที่อาจทยอยฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง
เราจึงคงธีมลงทุนที่มุ่งเน้นไปยังหุ้นกลุ่ม global play หรือกลุ่มที่มีมูลค่าลดลงมากและมีความเชื่อมโยงกับอุปสงค์ต่างประเทศในระดับสูงได้แก่ กลุ่มพลังงาน (PTTEP และ SPRC) และกลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC)
