ห้องเม่าปีกเหล็ก

5 โบรกปักหมุด 14 หุ้นน่าช้อป

โดย dave
เผยแพร่ :
167 views

หุ้นเด่นวันนี้ ! 5 โบรกปักหมุด 14 หุ้นน่าช้อป เก็งกำไรระยะสั้นเน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก TNN Wealth

หุ้นน่าซื้อวันนี้ 28 เม.ย. 65 โบรกมองหุ้นไทยวันนี้มีความผันผวนระหว่างวันในกรอบ 1,650-1,670 จุด จากการไหลเวียนของกระแสเงินทุน ตลาดจับตาประชุม FOMC เก็งกำไรงบ 1Q65 แข็งแกร่ง เน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า  การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ได้รับ Sentiment เชิงลบจากปัจจัยต่างประเทศคือ1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปในวันก่อนหน้าที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างรุนแรงหลังการรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนพลาดเป้าสร้างความกังวลต่อผลกระทบจากเงินเฟ้อโลกที่ยังทรงตัวในระดับสูงและปัญหาทางด้านห่วงโซ่อุปทานจากความแออัดของท่าเรือจีนที่ได้รับผลกระทบของ นโยบายการป้องกันการแพร่ระบาด หรือ Zero-COVID Policy 

 

2.การให้การจากรัฐบาลจีนในการช่วยเหลือในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19 แม้คาดส่งผลบวกต่ออุปสงค์การค้าและการเติบโตของ GDP โลกโดยรวม แต่การปรับตัวเพิ่มขึ้นราคาน้ำมันดิบสร้างความกังวลระยะสั้นต่อต้นทุนบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย 

แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้จะเกิด Technical Rebound หลังปรับตัวลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์จากการรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่ดีกว่าคาด แต่ดัชนีวัดความผันผวนหรือ VIX Index ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 33.5 จุด ซึ่งคาดสะท้อนภาพการลงทุนใน SET Index ในช่วงปลายสัปดาห์ จากการที่ตลาดจับตาผลการประชุม FOMC ในวันที่ 4 พ.ค. ซึ่งคาบเกี่ยวกับวันหยุดตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์หน้า  

 

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศของการลงทุนยังคงมีความผันผวนระหว่างวันในกรอบ 1,655-1,670 จุด จากการไหลเวียนของกระแสเงินทุนเพื่อเตรียมลดความผันผวนในช่วงปลายสัปดาห์ 

 

โดยคาดหุ้นที่จะยังเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดจะมาจากปัจจัยบวกเฉพาะตัวที่มีแนวโน้มผลประกอบการ 1Q65 แข็งแกร่ง กลยุทธ์การลงทุนยังเน้น Trading ระยะสั้นในกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำปิด Position ภายในสัปดาห์หรือใช้ตราสารอนุพันธุ์เพื่อปิดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า

 

นอกจากนี้ติดตามการรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงปลายสัปดาห์นี้ได้แก่ 1.ตัวเลข GDP 1Q65 ของสหรัฐฯ ในวันนี้ และ 2. การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ EU เดือน เม.ย. และ  ดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนโดย Caixin ในวันศุกร์ที่ 29 เม.ย.

หุ้นเด่นวันนี้ แนะนำ 4 ตัว   นำโดย   เราคาดกำไร 1Q65 ที่ 345 ลบ. เติบโต +288% YoY จากรายได้ที่ฟื้นตัว +13% YoY เป็น 3.52 พันลบ. สะท้อนถึงความมั่นใจของผู้บริโภคหลังสถานการณ์ COVID คลายตัวลง ขณะที่แนวโน้ม 2Q65 คาดกำไรเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากผลบวกของการปรับราคาเมนู และการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ คงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 1.67 พันลบ. +1,175% YoY ซื้อขายที่ PER2565 ระดับ 30 เท่า และลดลงเหลือ 22 เท่าในปี 2566 รวมทั้งมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งเป็น Net Cash 

 

หุ้นเด่นถัดมาคือ   CPALL   เราคาดกำไรปกติ 1Q65 ที่ 3.2 พันลบ. +27% YoY และ +14% QoQ จากผลบวกของการรวม LOTUS เข้าสู่งบการเงินรวมของ MAKRO ขณะที่ SSSG ใน 1Q65 คาด +10% YoY เข้าสู่การฟื้นตัวของกลุ่มค้าปลีก  

 

แนวโน้มผลประกอบการช่วงที่เหลือของปีคาดเติบโต YoY ทุกไตรมาส จากการฟื้นตัวของภาคบริโภคในประเทศ และการปลดล็อกมาตรการเดินทางของภาครัฐฯ ช่วยหนุนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 2H65 เราคาดกำไรปี 2565 เติบโต +25% YoY เป็น 1.5 หมื่นลบ. 

 

 

หุ้นเด่นอีกตัวคือ     PIMO  ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกระยะสั้นรออยู่ คือ คาดกำไร 1Q65 ที่ 35-40 ลบ. เติบโตสูงถึงเกือบ 100% YoY และ +40% QoQ จากยอดขายมอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไปยังสหรัฐฯ ที่เติบโตสูงถึง +25% YoY เนื่องจากตามกฎหมายต้องมีการเปลี่ยนมอเตอร์สระว่ายน้ำเป็นแบบ BLDC ทั้งหมด คาดการณ์เบื้องต้น ประเมินกำไรปี 2565 มีโอกาสทำ New High ที่ 160 ลบ. เทียบเท่า EPS ที่ 0.25 บาท ราคาปัจจุบัน PER ราว 14 เท่า 

 

หุ้นเด่นสุดท้าย   DCC ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกระยะสั้นรออยู่ คือ คาดกำไร 1Q65 ที่ 35-40 ลบ. เติบโตสูงถึงเกือบ 100% YoY และ +40% QoQ จากยอดขายมอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไปยังสหรัฐฯ ที่เติบโตสูงถึง +25% YoY เนื่องจากตามกฎหมายต้องมีการเปลี่ยนมอเตอร์สระว่ายน้ำเป็นแบบ BLDC ทั้งหมด 

คาดการณ์เบื้องต้น ประเมินกำไรปี 2565 มีโอกาสทำ New High ที่ 160 ลบ. เทียบเท่า EPS ที่ 0.25 บาท ราคาปัจจุบัน PER ราว 14 เท่า

บล.เอเซียพลัส   มองว่า   กระทรวงการคลังปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ปี 2565 ลงจาก 4% เหลือ 3.5% ถือเป็นการปรับลดลงไม่มากเมื่อเทียบกับสำนักวิจัยต่างๆ ที่ปรับลดลง มาช่วง 0.5 – 1% มาอยู่บริเวณ 3% อย่างไรก็ตามการยังเห็นปัจจัยเสี่ยงที่ กดดันประมาณการเช่น สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน, การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางหลายประเทศ, ปัญหา Supply Shortage ในบางอุตสาหกรรม 

 

รวมถึงตลาดแรงงานที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่วนประเด็นในต่างประเทศมีกรณีที่ รัสเซีย ประกาศตัดการส่งก๊าซ ไปยัง 2 ประเทศ คือ โปแลนด์ และ บัลแกเลีย หลังจาก ที่ไม่ชำระค่าก๊าซเป็นเงิน รูเบิล ซึ่งน่าจะผลักดันราคาน้ำมันให้ปรับสูงขึ้น ส่วน การเคลื่อนไหวของ Fund Flow ยังเชื่อว่ามีทิศทางไปทางสินทรัพย์ปลอดภัย คาด SET Index ผันผวนทิศทางลง กรอบ 1650 - 1670 จุด พอร์ตจำลอง ให้ ลดน้ำหนัก GPSC ลง 5% นำเงินเข้าซื้อ TFG คงถือเงินสด 10% Top Pick เลือก  3 หุ้นเด่น

 

หุ้นเด่นตัวแรกคือ  TFG  ราคาเป้าหมาย 6  บาท  

 

หุ้นอีกตัวคือ VNG  ราคาเป้าหมาย 12.90  บาท   รับประโยชน์จากเงินบาทอ่อนVNG มีสัดส่วนการส่งออกในสัดส่วนที่สูงกว่า 80% ของรายได้รวม ในขณะที่มียอดขายในประเทศไม่ถึง 20%ระยะ 2Q65 จะมีกำไรที่โตกว่า 1Q65 ราคาต้นทุนไม้ลดลงจากการเข้าสู่ฤดูแล้งและราคากาวที่น่าจะผ่านจุด Peakไปช่วงกลาง เม.ย. และคาดหวังกำไรจะถึงจุด Peak ช่วง3Q65

 

 จากโรงงานที่มี Urate 100% ในช่วง มิ.ย. และเป็นฤดูส่งออกสินค้า ประกอบกับได้อานิสงส์จาก stock ไม้ราคาต่ำที่สะสมมาในช่วงฤดูแล้ง เดือน ก.พ. - พ.ค.ประเมิน FV โดยอิง PER 15 เท่า ให้ ราคาเหมาะสมที่12.90 uาn upside 67.5% และมี Dividend Yield5.2% แนะนำซื้อ

 

ปิดท้ายด้วยหุ้น  MCS   ราคาเป้าหมาย 21  บาท   คาดประกาศเซ็นงาน ส่ง Backlog ทะยาน 2 แสนตันเงินเยนเริ่มกลับมาแข็งค่าเทียบกับเงินบาท จะส่งผลให้Downside Risk จำกัดคาดว่าช่วง ต้น พ.ค. MCS จะประกาศคว้างานเพิ่มเติมโดยคาดว่าจะทยอยเซ็นสัญญา 4 โครงการ น้ำหนักรวมกว่า 120,000 ต้น และปลายปีนี้มีโอกาสสูงที่จะคว้างานอาคารสูงที่สุดในญี่ปุ่น น้ำหนักประมาณ 50,000 ตัน

 

หากนับรวมกับ backlog ณ สิ้น 1Q 65 ที่มีอยู่ 6.5 หมื่นตัน จะส่งผลให้ MCS มี backlog รวมกันมากกว่า200,000 ตัน รองรับรายได้ 5 ปี ไปจนถึงปี 2569ประเมิน Fair Value อิง PER 10 เท่า ให้ราคาเหมาะสม 21 บาท และมี Dividend Yield 10% แนะนำซื้อ

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส   บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)  กล่าวว่า  วันนี้คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบแนวรับ1,650 จุด และแนวต้าน 1,670 จุดเน้นหุ้น Mid-Small ที่แนวโน้มเด่น 

 

โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ  SISB แนวโน้มกำไรปี 2565 มีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ราว 400 ลบ.+91%YOY จากจำนวนนักเรียนที่เติบโต 2,750 คน +13%YOYมาพร้อมกับอัตรากำไรที่สูงขึ้นตามการประหยัดต่อขนาด แนะทยอยสะสมรองบ 1Q65 ที่กำไรจะเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวทั้งQOQ ,YoY ตามจำนวนนักเรียนที่

เริ่มกลับ ก่อนเติบโตต่อเนื่องQOQ ในช่วงที่เหลือของปีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 17 บาท

 

หุ้นเด่นอีกตัวคือ  DCC คาดกำไร 1Q65 จะทำสถิติใหม่ต่อเนื่องที่ระดับ 537 ล้านบาท(+38%QOQ,+9%YOY) จากการปรับเพิ่มราคาขาย และมีการ

ขายสินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้น คาดหนุนอัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นสู่ 43.7% จาก 4Q64 ที่43% และ 42.7% ในปีก่อนผสานฐานะการเงินแข็งแกร่งและ

คาดปันผล 6.3% ต่อปี เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 3.5 บาท

บล.ไทยพาณิชย์     คาด SET มีโอกาสเกิดการรีบาวด์ทางเทคนิค หรือแนวรับบริเวณ 1,640-1,650 จุด คาดเป็นจุดรองรับได้ในช่วงนี้ เพื่อฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ตลาดยังขาดปัจจัยหนุน และในภาพรวมยังมี downside อยู่ ด้วยปัจจัยลบหลักจากการที่เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย และลดขนาดงบดุล ทำให้การฟื้นตัวจำกัด โดยมีแนวต้านที่ 1,670 และ 1,683 จุด ตามลำดับ

 

หุ้นเด่นวันนี้  แนะนำ    AWC  (ราคาเป้าหมาย 5.60 บ.) ปี 65 คาดขาดทุนปกติลดลงจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวและกิจกรรมเศรษฐกิจที่ดีขึ้นส่งผลบวกต่อธุรกิจอสังหาฯ อีกทั้งราคาหุ้นยังต่ำกว่าก่อนเกิด COVID-19 อยู่ 12% 

 

หุ้นเด่นอีกตัวคือ  PTTEP  (ราคาเป้าหมาย 182.00 บ.) คาด 1Q65 เป็นจุดต่ำสุดของกำไรปีนี้จากมีบันทึกรายการพิเศษ ช่วงที่เหลือของปีนี้จะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น  

ขณะที่ บล.กสิกรไทย   มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ   1,650-1,680  จุด โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ3 ตัวคือ ADVANC  ราคาปัจจุบัน 219  บาท ราคาเป้าหมาย 237   บาท KEX  ราคาปัจจุบัน 24.10    บาท ราคาเป้าหมาย 26.50  บาท SKN   ราคาปัจจุบัน 8.80  บาท ราคาเป้าหมาย 9.70 บาท

 

ที่มา : บล.หยวนต้า,  บล.เอเซียพลัส, บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย), บล.ไทยพาณิชย์ ,บล.กสิกรไทย

 

ภาพประกอบข่าว : AFP,  TNN Online,พิกซาเบ

 

 


dave