วิเคราะห์หุ้นน้ำมัน-ปิโตรฯ มองข้ามชอร์ตปี 64 ผลงานโตแรง
หุ้นกลุ่มน้ำมัน และปิโตรเคมี มีผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยอย่างมาก และเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้รับความนิยมสูง แต่การระบาดของ COVID-19 ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ จากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ และความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวลดลง ล่าสุดข่าวดีเรื่องวัคซีน ที่มีการรายงานออกมาอย่างต่อเนื่อง แล้วหุ้นกลุ่มนี้จะได้ปัจจัยบวกมากน้อยแค่ไหน เราไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลย
ทั้งนี้ ความคืบหน้าของผลการทดลองวัคซีนที่ออกมาเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Pfizer Inc และ BioNTech ที่ระบุว่า วัคซีนของบริษัทมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 ได้สูงถึง 95% โดยองค์การอาหาร และยาสหรัฐฯ (FDA) สามารถใช้มาตรการฉุกเฉินปล่อยวัคซีนให้ประชาชนได้ใช้งานได้
ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าว ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นอย่างมาก และประเด็นดังกล่าวมีโอกาสทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว จากการเดินทางระหว่างประเทศ – ท่องเที่ยวกลับมาเข้าสู่สภาวะปกติ และถือเป็นปัจจัยบวกต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมัน รวมทั้งน้ำมันอากาศยานอีกด้วย อย่างไรก็ตามแม้วัคซีน ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ตลาดหุ้นไทยล่าสุดในเวลาไม่ถึงเดือนดัชนีเพิ่มขึ้นสูงถึงระดับ 200 จุดเรียบร้อยแล้ว
“การเข้าถึงวัคซีนของประชาชนทั่วไปในครึ่งหลังปี 64 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมโรงกลั่น ทั้งนี้ คาดกำไรกลุ่มโรงกลั่นยังเปราะบาง และค่าการกลั่นจะฟื้นตัวได้จำกัดจากอัตราการผลิตคงเหลือที่อยู่ระดับสูง ภาพรวมอุปสงค์สินค้าต้นน้ำ-ปลายน้ำปี 2564 จะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป สอดคล้องภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ราคาพลังงาน-ปิโตรเคมีขยายตัว” นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัดกล่าว
พร้อมยังบอกอีกว่า กลุ่มน้ำมัน และปิโตรเคมีภายใต้ 9 บริษัทที่เราศึกษา ประกอบด้วย PTT, PTTEP, PTTGC, TOP, IRPC, SPRC, IVL, SCC, GGC โดยรายงานกำไรสุทธิ 3Q63 รวม 3.5 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับคาดการณ์ของเรา ซึ่งกำไรสุทธิ -8% YoY ลดลงเป็นไตรมาสที่ 8 จากราคาผลิตภัณฑ์ที่ต่ำลงทุกชนิดเพราะผลกระทบของ COVID-19
อย่างไรก็ตาม เทียบกับ 2Q63 กำไรสุทธิ +15% QoQ ฟื้นตัวเป็นไตรมาสที่ 2 สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น ทำให้ผลประกอบการหุ้น Oil play อย่าง PTT และ PTTEP ขยายตัว QoQ รวมทั้งมีกำไรสินค้าคงคลังรวม 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วน กลุ่มโรงกลั่น อะโรมาติกส์ เช่น TOP SPRC PTTGC มีผลประกอบการอ่อนแอ กดดันจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูป (โดยเฉพาะ Middle distilate) และอะโรมาติกส์ที่ต่ำลง QoQ และ YoY รวมทั้งต้นทุนน้ำมันสูงขึ้นมาก แต่หากมองไปยังแนวโน้ม 4Q63 คาดฟื้นตัว QoQ ต่อเนื่อง ยกเว้น PTTEP และ SCC ที่มีปัจจัยลบเฉพาะตัวจากการปรับราคาก๊าซ และแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่
ดังนั้นคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ที่ 8.3 หมื่นล้านบาท (-57% YoY) และมองข้ามไปปี 2564 เราคาดสถานการณ์อุตสาหกรรมพลังงาน - ปิโตรเคมีฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามปัจจัยมหภาค และมีจุดเปลี่ยนสำคัญจากการเข้าถึงวัคซีนของประชาชนทั่วไป
โดยประเมิน 1.ราคาน้ำมันดิบดูไบมีเสถียรภาพมากขึ้น (สมมติฐานเฉลี่ย US$47/bbl) โดย Upside จะถูกจำกัดด้วยการปรับสมดุลของ OPEC+ 2.ค่าการกลั่นยังฟื้นตัวได้จำกัด เพราะแม้วัคซีนอาจใช้งานได้ในครึ่งหลังปี 64 แต่อัตราการกลั่นที่ต่ำในปัจจุบัน ทำให้โรงกลั่นทั่วโลกสามารถเพิ่มอุปทานเข้ามาสู่ตลาดได้
3.ราคาปิโตรเคมียังสามารถเติบโตได้ตามอุปสงค์การผลิตยานยนต์ เครื่องใช้ครัวเรือน สินค้าสุขอนามัย บรรจุภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ ช่วงครึ่งหลังปี 64 ยังปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากความร่วมมือของ RCEP ประเมินกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 1.7 แสนล้านบาท (+101% YoY) จากฐานต่ำเพราะมีขาดทุนสต็อกจำนวนมากในปี 2563
สำหรับประเด็น ผลการทดลองวัคซีนที่ออกมาเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของธุรกิจโรงกลั่นโดยเฉพาะอุปสงค์น้ำมันอากาศยาน ซึ่งมีโอกาสการกลับเข้าสู่ภาวะปกติจากการเดินทาง-ท่องเที่ยวระหว่างประเทศ เรา Re-rating Valuation หุ้นโรงกลั่นขึ้น 0.50SD ถึง 0.75SD
ส่งผลให้ราคาเหมาะสมของ 1.PTTGC เป็น 60.00 บาท 2.TOP เป็น 51.00 บาท 3.RPC เป็น 2.90 บาท 4.SPRC เป็น 7.50 บาท และ 5.PTT เป็น 43.00 บาท อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงวัคซีนของประชาชนทั่วไปอาจเกิดขึ้นจริงช่วง ครึ่งหลังปี 64 ขณะที่กำไรครึ่งแรกปี 64 ยังมีความเปราะบาง ทางพื้นฐานแนะนำเพียง TRADING (TOP SPRC IRPC) โดยราคาหุ้นโรงกลั่นที่ Rally เฉลี่ย +40% MTD ถือว่าสะท้อนพัฒนาเชิงบวกของวัคซีนไปบ้างแล้ว เชิงกลยุทธ์แนะนำ Let Profit run เพื่อรอทำกำไรระยะสั้น
ทางพื้นฐานยังชอบ PTTGC PTT
ทางพื้นฐานให้น้ำหนักการลงทุน เท่ากับตลาด เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากทิศทางราคาน้ำมันขาขึ้น ผลประกอบการ ครึ่งแรกปี 64 เติบโตชัดเจน และมีประเด็นบวกเฉพาะตัว โดยแนะนำ 1.PTTGC - แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2564 ที่ 60.00 บาท จากการเป็นผู้ผลิตโอเลฟินส์ Gas-based ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขาขึ้น รับรู้กำลังผลิตเพิ่มอีก 10% จากการ COD โครงการ PO/Polyols และ ORP ตั้งแต่ต้นปี 2564 ไม่มีปิดซ่อมบำรุงใหญ่ช่วง 1H64 กระแสเงินสดมั่นคงเพราะไม่มีโครงการลงทุนใหญ่
2.PTT - แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2564 ที่ 43.00 บาท จากโมเมนตัมกำไร 4Q63 ถึงครึ่งแรกปี 64 เติบโตตามราคาขายก๊าซเฉลี่ย (ASP) สูงขึ้นตามราคาน้ำมัน สวนทางต้นทุนก๊าซที่ลดลง ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ในช่วงถึง ครึ่งแรกปี 64 กระแสเงินสด ฐานะการเงินมั่นคง และมี Catalyst จากการนำธุรกิจค้าปลีก (OR) เข้าตลาดภายในเดือนก.ย. 2564
ขณะที่หุ้นโรงกลั่นแม้เป็นกลุ่มที่จะเห็นการฟื้นตัวมากที่สุดจากการใช้งานวัคซีน อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงวัคซีนของประชาชนส่วนใหญ่อาจเกิดขึ้นช่วงครึ่งหลังปี 64 ขณะที่ผลประกอบการ ครึ่งแรกปี 64 ยังมีความเปราะบาง ทางพื้นฐานจึงแนะนำเพียง TRADING หุ้น TOP SPRC IRPC โดยนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. ราคาหุ้นโรงกลั่น Rally +40% ถือว่าสะท้อนข่าวความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนไปบ้างแล้ว ราคาปัจจุบันมี Upside gain จำกัดเทียบราคาเป้าหมายใหม่ของเรา เชิงกลยุทธ์แนะนำ Let Profit run เพื่อหาจังหวะทำกำไรระยะสั้น
เปิดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 63-64
ความเสี่ยง COVID-19 รุนแรงขึ้น, สงครามการค้า, Compliance ของ OPEC+, ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ภัยธรรมชาติ, ราคาน้ำมัน OSP, การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี, นโยบายพลังงานของสหรัฐฯ, ความคืบหน้าวัคซีน
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก