โบรกจ่อเพิ่มกำไรแบงก์ปี64 หวังวัคซีนหนุนเศรษฐกิจฟื้นดันสินเชื่อโต
“ทรีนีตี้” เล็งปรับเพิ่มกำไรกลุ่มแบงก์ปีหน้า คาดหวังวัคซีนโควิด หนุน เศรษฐกิจฟื้น ดันยอดปล่อยสินเชื่อโต 4% ปัจจุบันประเมินกำไร 1.31 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น27% ทิสโก้ ชี้ ราคาหุ้นรีบาวด์หลังปรับตัวลงแรง -คลายกังวลหนี้เสีย แนะ เลือกลงทุนรายตัว
ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (22ธ.ค.)ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าก่อนที่จะย่อตัวแตะ 1,388.23 จุด ก่อนที่จะรีบาวด์ในช่วงบ่าย และกลับมาปิดที่ระดับ 1,424.39 จุด เพิ่มขึ้น 22.61 จุดหรือ 1.61% มูลค่าซื้อขาย 87,824.78 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,014.79 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 126.85 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 417.61 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 2,559.25 ล้านบาท
ส่วนราคาหุ้นกลุ่มแบงก์วานนี้ปรับตัวขึ้นยกแผง นำโดย ธนาคารทหารไทย (TMB) เพิ่มขึ้น 6.54% อยู่ที่ 1.14 บาท รองมา ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) 4.81%อยู่ที่ 49บาท
นายธนภัทร ฉัตรเสถียร ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4ปีนี้ ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดจะลดลงหรือ ใกล้เคียงกับไตรมาส3ที่ผ่านมา เนื่องจากปกติในไตรมาส4 ธนาคารพาณิชย์จะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายปลายปี เช่น โบนัสพนักงาน ค่าใช้จ่ายทางการตลาด
สำหรับปีนี้เป็นปีพิเศษซึ่งจะต้องติดตามว่าแบงก์จะมีการต่อมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้หรือไม่หลังจากที่หมดมาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่เชื่อว่าแบงก์น่าจะมีการต่อมาตรการช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ ซึ่งจะทำให้คาดว่าการตั้งสำรองหนี้จะไม่มาก ส่งผลหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)เพิ่มขึ้นไม่มากจากช่วงไตรมาส3ที่ผ่านมา
สำหรับแนวโน้มกำไรกลุ่มแบงก์ (6 บริษัท)ปีหน้า คาดกำไรอยู่ที่ 131,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น27.39%จากปีนี้ที่ 103,185 ล้านบาท เนื่องจากประเมินว่าการให้สินเชื่อจะมีการเติบโต เฉลี่ย 4.5% จากปีนี้คาดโต 1% โดยเป็นการเติบโตของการให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อภาครัฐ จากภาครัฐเร่งดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่ให้มีเม็ดเงินเข้ามาในระบบ ซึ่งเริ่มเห็นการให้สินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เริ่มดีขึ้นในไตรมาส3ที่ผ่านมา ส่วนสินเชื่อรายย่อยปีหน้าคาดว่าจะทรงตัว จากปีนี้ที่หดตัว
อย่างไรก็ตามมีโอกาสที่บริษัทจะปรับประมาณการกำไรปีหน้าขึ้น จากความคาดหวังวัคซีน ซึ่งหากมีการใช้ได้ผลที่ดี ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการให้สินเชื่อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบริษัทจะมีการพิจารณาปรับประมาณการหลังจากที่กลุ่มแบงก์ประกาศงบปี 2563
สำหรับขณะนี้ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาเหมาะสมที่บริษัทประเมินไว้ ดังนั้น ระยะสั้นจึงแนะนำถือ
นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานวิจัย กลุ่มธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเซียพลัส จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี2564 หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังได้รับแรงหนุน จากผลการดำเนินงานฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากปี2563 ตามโมเมนตัมของเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่องได้ มองจีดีพีเติบโตที่4% จากการระบาดโควิด-19น่าจะคุมได้ในช่วง3-4สัปดาห์ การค้าโลกฟื้นตัวขึ้นจากฐานต่ำและวัคซีนคาดเริ่มใช้ครึ่งหลังของปีหน้า ทำให้ภาพการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ทำให้ยอดสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ปี2564 เติบโตระดับ3-4%ใกล้เคียงการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
ทางด้าน Credit Cost ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ลดลงราว0.15%มาอยู่ที่1.85%ในปีหน้าจากปีนี้คาดไว้ที่2% เนื่องจากหลายธนาคารตั้งสำรองไว้สูงค่อนข้างมากแล้ว และธปท. มีการขยายมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอีไปถึงปีหน้า ทำให้ธนาคารสามารถปรับปรุงการผ่อนชำระหนี้ได้ทัน ดังนั้น แนวโน้มหนี้เสียของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไม่ได้ปรับขึ้นเร็ว จากไตรมาส3 ปีนี้อยู่ที่ 3.45% ดังนั้นปัจจัยดังกล่าวยังไม่กระทบกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในปีหน้ามากนัก ขณะที่การตั้งสำรองหนี้ในไตรมาส4ทิศทางไม่ต่างจากไตรมาส3
ดังนั้น หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นไปจนถึงไตรมาส1ปี2564 แนะนำหุ้นเด่น ปันผลสูงเป็นเสน่ห์ในการลงทุนปีหน้าและมีงบดุลของกลุ่มที่แข็งแกร่ง ได้แก่ ธนาคารทิสโก้ หรือ TISCO ราคาเป้าหมายที่ 95 บาทต่อหุ้น ส่วนธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย หรือKBANK ราคาเป้าหมายที่ 126 บาทต่อหุ้นทมีการตั้งสำรองหนี้ไว้สูง และพอร์ตลผูกค้าเอสเอ็มอีได้รับอานิงก์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ลูกหนี้มีความสามารถชำระหนี้ได้เพิ่มขึ้น และธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL ราคาเป้าหมายที่ 154 บาทต่อหุ้น ตั้งสำรองหนี้ไว้สูงแล้วและราคาไม่แพงมาก
โบรกชี้กลุ่มแบงก์กำไรปี 64 โต คัดหุ้นมีเสน่ห์
บล. ทิสโก้ ชี้กำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปีหน้าโต29% แนะคัดหุ้นเด่น BBL KKP น่าลงทุน บล.เอเชียพลัส กลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นไปจนถึงไตรมาส1ปี2564 เลือกหุ้นมีเสน่ห์ ราคาไม่แพง TISCO KBANK BBL
นายธนวัฒน์ รื่นบันเทิง นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สำนักวิจัย กลุ่มธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มแบงก์ยังปรับตัวขึ้นวานนี้มาจากตลาดหุ้นรีบาวน์กลับมาจากวันก่อนหน้าปรับลงมาก และความกังวลความเสี่ยงหนี้เสียของระบบธนาคารพาณิชย์ลดลง หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานภาพรวมการชำระหนี้ของลูกหนี้ปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการให้ความช่วยเหลือแบบตรงจุด สัดส่วน60-70%กลับในชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข สัดส่วน 20-30% ต้องปรับโครงสร้างหนี้ และมีเพียงสัดส่วน1-2% เป็นลูกหนี้ที่ขาดการติดต่อ ซึ่งหลังหมดมาตรการช่วยเหลือหลังเดือนต.ค. ระดับหนี้เสียไม่ได้ปรับขึ้นมาก
ประกอบกับประเมินว่าในปี2564 กำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ปรับตัวดีขึ้นราว29% จากปีนี้ที่ติดลบ มาจากการตั้งสำรองที่ลดลง ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองของธนาคาร (Credit Cost) ลดลงมาอยู่ที่1.45% จากปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่1.86% แม้ยังเป็นระดับที่สูงกว่าในอดีตแต่ถือว่าปรับลงมาในระดับปกติมากขึ้น ส่วนยอดสินเชื่อคงค้างเติบโตลดลงมาอยู่ที่ระดับ4% จากปีนี้คาดไว้ที่ระดับ7% เนื่องจากมองว่า ธนาคารพาณิชย์น่าจะยังต้องระมัดระวังการปล่อยกู้กลุ่มเอสเอ็มอีที่ยังมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจภาพรวมขณะทีกลุ่มรายย่อยน่าจะยังปล่อยกู้ได้ต่อเนื่อง และจากฐานสูงในไตรมาส4 ปีนี้มีการปล่อยกู้ให้ดีลใหญ่อย่างเทสโก้โลตัส รวมถึงมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาคุมหนี้เสียไว้
ส่วนแนวโน้มการตั้งสำรองของแบงก์ในไตรมาส4 โดยปกติแล้วช่วงปลายปีจะตั้งสำรองสูงไว้ก่อนเผื่อความเสี่ยงในระยะข้างหน้า แต่หากเป็นการตั้งสำรองเผื่อหนี้เสียคาดว่า ในไตรมาส 4 จะกลับมาเป็นปกติมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้หลายธนาคารตั้งสำรองหนี้เสียไว้ค่อนข้าสูงมากแล้ว เช่น ธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทย ตั้งสำรองหนี้เสียไว้สูงในไตรมาส2 และกลับมาในระดับปกติช่วงในไตรมาส3 ขณะที่ในไตรมาส3 ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคาร ทหารไทย มาตั้งสำรองสูงตามมา ดังนั้นในไตรมาส4 ทุกธนาคารน่าจะกลับมาตั้งสำรองในระดับปกติ
นอกจากนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19รอบใหม่ แม้จะมีผลเชิงลบแต่ผลกระทบคงไม่มากเท่าช่วงรอบแรก ขณะที่ในแง่การลงทุน ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากในช่วง2-3เดือนที่ผ่านมา รับข่าวความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 แต่ที่ระดับราคา ณ ปัจจุบันถือว่าสะท้อนผลดำเนินงานมากขึ้น แต่ราคาจะปรับขึ้นไปอีก10-20% มองว่า กำไรต้องปรับขึ้นไปมากกว่านี้ ซึ่งปีหน้าอาจจะยังไม่เห็น เนื่องจากปีหน้ากำไรที่ปรับเพิ่มขึ้นมาจากการตั้งสำรองที่ลดลงอย่างเดียว แต่รายได้ยังไม่เพิ่ม
ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แนะเลือกหุ้นรายตัว เช่น ธนาคารกรุงเทพ หรือBBL ราคาเป้าหมายที่ 145 บาทต่อหุ้น , ธนาคารเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP ราคาเป้าหมาย 60 บาทต่อหุ้น โดยทั้งสองธนาคาร ราคาหุ้นยังไม่สูงมาก มีตั้งสำรองสูงมากสามารถรองรับความเสี่ยงขาลงได้ทั้งหมด ซึ่งปีหน้าแม้รายได้ไม่ดีมาก แต่ตั้งสำรองที่ลดลงทำให้กำไรเพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับพอร์ตลูกค้าเอสเอ็มอีมีไม่มาก ขณะที่หุ้นธนาคารพาณิชย์อื่นๆยังแนะนำให้ถือไว้อยู่
ขอบคุณทีมาเนื้อหาข้อมูลจาก