ห้องเม่าปีกเหล็ก

KTB คาดสินเชื่อปี 66 โต -ยังตั้งสำรองสูงรับความผันผวน

โดย ทิวลิป
เผยแพร่ :
102 views

KTB คาดสินเชื่อปี 66 โต 3-4% หันปรับพอร์ตให้สมดุล-ยังตั้งสำรองสูงรับความผันผวน

KTB วางเป้าสินเชื่อปี 66 เติบโต 3-4% พร้อมปรับโครงสร้างหนี้ให้สมดุล ภายใต้กระบวนการติดตามที่อยู่ในระดับบริหารจัดการอย่างเหมาะสม พร้อมตั้งสำรองระดับสูง จากธุรกิจธนาคารที่ยังเผชิญความท้าทายภายใต้ความผันผวน พร้อมเดินหน้าดูแลลูกค้ากลุ่มเปราะบาง

.

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ในปี 66 ตั้งเป้าการเติบโตสินเชื่อ 3-4% หรือ 1-1.5 เท่าของจีดีพี โดยที่ผ่านมาธนาคารมีการปรับพอร์ตให้สมดุลมากขึ้น จากเดิมที่เน้นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนต่ำ สู่การปรับโครงสร้างสินเชื่อสมดุล จากเดิมปล่อยสินเชื่อที่ความเสี่ยงสูง แต่ผลตอบแทนต่ำ เช่น ปล่อยสินเชื่อให้โรงสีข้าว จนเกิดหนี้เสียสูงถึง 6-7 หมื่นล้านบาท ดังนั้น การปล่อยสินเชื่อที่ความเสี่ยงสูง ต้องมีผลตอบแทนสูง และกระบวนการติดตามสินเชื่อก็ต้องสามารถบริหารจัดการตามระดับเหมาะสม

.

“NPL ของธนาคารในปีนี้จะพยายามประคองให้อยู่ที่ระดับ 3.5% ภายใต้การทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือ soft landing ขณะที่ปีหน้าคาดว่า NPL น่าจะยังอยู่ในประมาณเดิมได้ ภายใต้ความผันผวนที่ยังคงมีอยู่ ส่วนการตั้งสำรองหนี้เสียคาดว่า จะลดลงหากเทียบกับช่วงโควิดที่ผ่านมา แต่ยังอยู่ระดับสูง หากเทียบกับภาวะปกติ”นายผยง กล่าว

.

ทั้งนี้ ปี 66 มีความท้าทายต่อภาคธุรกิจธนาคารมีเพิ่มมากขึ้น แต่โดยภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่คาดจะกลับมาในกลาง หรือ ไตรมาส 2/66 ซึ่งหากกลับมาเร็วก็จะเป็นผลบวกต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทย ในขณะที่ส่งออกมีความท้าทายมากขึ้น

.

อีกทั้ง ในภาวะที่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นภายใต้การกลับมาของสถานการณ์ปกติ โดยการปรับเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) มาอยู่ที่ 0.46% จากเดิม 0.23% ซึ่งอาจจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับสูงขึ้นได้ถึง 0.4-0.6% ในคราวเดียวกัน โดยปัจจัยเหล่านี้จะกระทบต่อกลุ่มเปราะบางมากขึ้น

.

ดังนั้นสิ่งที่ธนาคารจะเน้น คือ การเข้าไปดูแลกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่องผ่านมาตรการต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วเพื่อดึงกลุ่มเปราะบางทั้งกลุ่มเอสเอ็มอี และ กลุ่มรายย่อยต่าง ๆ ให้เข้ามาสู่มาตรการช่วยเหลือ รวมไปถึงเข้ามาสู่มาตรการที่ภาครัฐมีอยู่แล้ว เช่น มหกรรมแก้หนี้ที่จัดเป็นเชิงรุกกระจายทั่วภูมิภาค ซึ่งหากดูการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเอสเอ็มอี และ กลุ่มลูกค้ารายย่อย โดยในช่วงไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ปีนี้มีการปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้นแล้วหลายพันล้านบาท

.

นอกจากนี้ ในด้านลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ภายใต้นิยามของเครดิตบูโร ที่เคยเป็นลูกหนี้ปกติ แต่กลับมาเป็นหนี้เสียในช่วงโควิด โดยกลุ่มนี้ธนาคารก็มีการเข้าไปดูแลอย่างต่อเนื่อง ผ่านมาตรการต่าง ๆ และ ส่วนหนึ่งก็เป็นลูกค้าที่ธนาคารช่วยเหลือไปแล้วผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงที่ผ่านมา

.

“กลุ่มนี้สามารถประกอบอาชีพใหม่ได้หรือไม่ หรือ ไม่ไหวแล้ว หรือ ต้องการฟื้นฟูธุรกิจเพื่อให้กลับมาต่อได้ ดังนั้น ก็ต้องไปดู แต่การช่วยเหลือที่ผ่านมาของธนาคารกรุงไทย ก็มีกลุ่มนี้ที่ธนาคารดูแลอยู่แล้วผ่านการปรับโครงสร้างหนี้” นายผยง กล่าว

.

อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าธนาคารเชื่อว่า การบริหารจัดการหน้าผา NPL (NPL Cliff) ยังเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากหน้าผายังสูง ขณะที่โครงสร้างหนี้เสียของระบบไม่ได้ปรับลดลงเร็ว ดังนั้นหวังว่า จากมาตรการต่าง ๆ ที่ธนาคาร และ ทางภาครัฐออกมา จะช่วยฟื้นฟูกลุ่มลูกหนี้กลุ่มนี้ให้กลับมาอย่างได้ยั่งยืนมากขึ้น

***********************************

 


ทิวลิป