โบรกฯ แนะเลี่ยงลงทุน TOP
เหตุเจอข่าวร้ายน้ำมันรั่วในทะเล
ชี้แบกค่าใช้จ่าย-คดีฟ้องร้อง ฉุดกำไร

.
จากประเด็นเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุโดยทันทีนั้น ล่าสุดนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ ระยะสั้นยังให้หลีกเลี่ยงลงทุนไปก่อน
.
ทั้งนี้คาดตลาดกังวลผลกระทบในด้านค่าใช้จ่ายและคดีฟ้องร้อง (เหตุการณ์ SPM รั่วของ SPRC ได้มีการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องไปราว 1.7 พันล้านบาท และยังมีคดีฟ้องร้องราว 7.7 พันล้านบาท)
.
รวมทั้ง ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากปรับการขนส่งน้ำมันทางเรือ หาก SBM-2 ไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ ซึ่งประเมินทุกๆ 1 เดือน ค่าใช้จ่ายขนส่งจะเพิ่มราว 300 ล้านบาท ประกอบกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องรับภาระที่ไม่สามารถให้ ESSO ใช้ทุ่นส่งน้ำมันได้ เบื้องต้นคาดราว 85-90 ล้านบาทต่อเดือน
.
ดังนั้นคาดในช่วงครึ่งหลังปี 2566 TOP จะยังมี overhang จากประเด็นน้ำมันดิบรั่วไหลข้างต้น โดยประเมินทุกๆค่าใช้จ่าย 1 พันล้านบาท จะกระทบกำไรปี 2566-67 ของฝ่ายวิจัยราว 8-9%
อย่างไรก็ตามคงมุมมองกำไรปกติไตรมาส 3/66 ฟื้นทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวข้องกับเหตุน้ำมันรั่วคาดไม่ได้เปลี่ยนทิศการฟื้นจากไตรมาสก่อน โดยเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ไม่มี net stock loss (-4,132 ล้านบาท) ก้อนใหญ่มาฉุดเหมือนไตรมาส 3/65
.
ส่วนการฟื้นจากไตรมาสก่อน เพราะค่าการกลั่น คาดฟื้นเป็นราว 10-12 เหรียญฯ/บาร์เรล เทียบไตรมาส 2/66 ที่ 4.5 เหรียญฯ/บาร์เรล ฟื้นตาม spread ผลิตภัณฑ์ที่ความต้องการใช้ฟื้นทั้ง U.S. (driving season), เอเชีย (จีน+อินเดีย) และ EU ประกอบกับ supply บางส่วนมีปิดซ่อมนอกแผน และ stock gain ที่เข้ามาหนุน เทียบไตรมาสก่อน เป็น stock loss กลบกำไรของฝั่งอะโรเมติกส์ และ Lube ที่ลดลงได้
.
อย่างไรก็ตามบริษัทชี้แจงว่า วันที่ 3 ก.ย. 23 เวลา 21.00 น. ได้เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือบรรทุกน้ำมัน ขณะขนถ่านน้ำมันดิบบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล หมายเลข 2 (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี บริษัทได้เข้าทำการแก้ไขทันที ปัจจุบันไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติม และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว
.
โดยบริษัทมองเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินเครื่องโรงกลั่นน้ำมันของ TOP อย่างมีนัยสำคัญ และมีประกันคุ้มครองความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์สินแลธุรกิจหยุดชะงัก ประกันการขนส่งสินค้าทางทะเล และ ฯลฯ
.
ทั้งนี้เบื้องต้นบริษัทคาดปริมาณน้ำมันรั่วไหลราว 50,000 – 100,000 ลิตร น้ำมันส่วนใหญ่ได้ถูกควบคุมไว้ที่จุดรั่วแล้ว และมีส่วนน้อยที่หลุดออกจากจุดกักกัน ซึ่งบริษัทจะใช้การฉีดสารเคมีเพื่อให้น้ำมันที่หลุดออกจากพื้นที่กักกันจมลงสู่ทะเลเพื่อเก็บกู้ป้องกันไม่ให้กระจายเข้าฝั่ง/พื้นที่ท่องเที่ยว
.
ขณะที่เบื้องต้นทางบริษัทมองสามารถใช้ทุ่น หมายเลข 1 (SBM-1) ที่มี capacity ใกล้เคียงกับ SBM-2 แทนได้ในช่วงที่ SBM-2 ยังต้องหยุดดำเนินการเพื่อตรวจสอบ (ยังไม่มีกำหนดระยะเวลา) รวมถึงมีทางเลือกสำรองหากกรณีที่ไม่สามารถใช้ทุ่น SBM-1 ได้ โดยใช้ CBM และ ผ่านท่าเรือของ PTT ทั้งนี้บริษัทมีชิ้นส่วนท่อสำรองสำหรับ SBM-2 ที่รั่ว (ท่อบนผิวน้ำ)
.
สำหรับปัจจุบันบริษัทมี stock น้ำมันดิบรองรับการผลิตราว 30 วัน ผู้บริหารมองช่วงเดือน ก.ย. 23 การกลั่นจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
.
รวมทั้งบริษัทมีประกันคุ้มครองผลกระทบต่อบุคคลที่ 3 วงเงินราว 50 ล้านเรียญฯ (deductable 1 หมื่นเหรียญ), คุ้มครองผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม วงเงิน 25 ล้านเหรียญ (deductable 1 ล้านเรียญฯ ), all risk คุ้มครอง property damage 255 ล้านเรียญฯ สูญเสียน้ำมัน 761 ล้านเรียญฯ (deductable รวม 5 ล้านเรียญฯ ) และ business interruption 1,120 ล้านเรียญฯ (deductable 60 วัน)