ผู้ติดเชื้อกลับมารุนแรงอีกครั้งในสหรัฐ วิกฤตนี้อาจะลากยาวไปถึงปีหน้า ดังนั้นอย่าประมาทครับ ...
---------------------------
KS Daily View 12.06.2020
ผู้ติดเชื้อในหลายรัฐใหญ่ของสหรัฐกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง / อย่าพึ่งวางใจเรื่องสงครามการค้า รอติดตามหลังสหรัฐจัดการปัญหาในประเทศ วันนี้แนะเข้าสะสมกลุ่ม Defensive อย่าง ADVANC JASIF
ผู้ติดเชื้อในหลายรัฐใหญ่ของสหรัฐกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง / อย่าพึ่งวางใจเรื่องสงครามการค้า รอติดตามหลังสหรัฐจัดการปัญหาในประเทศ
-- ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาเราเริ่มเห็นความขัดแย้งระหว่าง 2 ขั้วอำนาจโลกอย่างสหรัฐและจีนปะทุขึ้นอีกครั้ง เริ่มตั้งแต่สหรัฐขยายกรอบเวลา ห้ามบริษัทสหรัฐทำธุรกรรมกับ Huawei, ศึกษากฎหมายเพื่อถอดถอนบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐ, สั่งระงับไม่ให้กองทุนบำเหน็จบำนาญสหรัฐลงทุนในบริษัทจีน, รวมถึงแทรกแทรงร่างกฎหมายความมั่นคงสภาจีนในประเด็นฮ่องกง, ระงับไม่ให้สายการบินจีนเข้าประเทศสหรัฐ, ขึ้นบัญชีดำ 33 บริษัทจีน (Entity list) จำกัดการทำธุรกรรม และอื่นๆอีกมาก
-- ในขณะที่รอบนี้จีนได้เริ่มตอบโต้เช่นกันด้วยการงดนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ และแสดงจุดยืนที่ชัดเจนและแข็งแกร่งมากขึ้น ภาพดังกล่าวแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ขัดแย้งกันสูงขึ้น
-- อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านดูเหมือนนักลงทุนส่วนมากเลือกที่จะมองข้าม สังเกตุได้จากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก (MSCI World +11% MTD) ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์หยวนซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีที่มาสามารถชี้นำเรื่องความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศนี้ ได้กลับมาแข็งค่าในระดับ 7.0+/-
-- เบื้องต้นในระยะสั้น เรามีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าวเนื่องจากเรามองว่าสหรัฐอยู่ในสถานะเสียเปรียบทั้งในเชิงผลกระทบ COVID-19 ต่อเศรษฐกิจสูงและเครื่องมือในการกระตุ้นเริ่มจำกัด เห็นได้ชัดจากยอดผู้ติดเชื้อต่อจำนวนประชากร, อัตราการว่างงานสูงในระดับ 9.3%, การประมาณการ GDP ปีนี้หดตัวถึง-6.1% (จีน +1%) โดยเฉพาะในระหว่าง 2Q-3Q คาดติดลบสูงกว่า -9.7% และ -6.8% ตามลำดับ ในขณะที่จีนคาดพลิกกลับมาเป็นบวกที่ 1.1% ในโตก้าวกระโดดเป็น 5% ล่าสุดรายงานตัวเลขดุลการค้าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และ PMI ภาคผลิตและบริการกลับมาเติบโตเหนือ 50.0
-- สำหรับเครื่องมือกระตุ้นจากภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจค่อนข้างจำกัดเนื่องจากปัจจุบันสหรัฐขาดดุลการคลังสูงกว่า 15%/GDP เมื่อเทียบกับจีนที่ -6% และ 2) สหรัฐเผชิญกับปัญหาจลาจลในประเทศภายหลังการเสียชีวิตของ George Floyd (ชายผิวสี) เป็นผลให้หลายเมืองต้องกลับมาประกาศภาวะฉุกเฉินอีกครั้ง ล่าสุดพบว่าหลายรัฐในสหรัฐนำโดย California, Texas, Florida กลับมารายงานยอดผู้ติดเชื้อสูงสุดในรอบ 2สัปดาห์ อีกทั้งพบเจ้าหน้าที่ปราบการชุมนุมใน D.C. เริ่มติดเชื้อเช่นกัน ภาพดังกล่าวเป็นปัจจัยกดดันต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐและฐานเสียงของ Trump อย่างมีนัยยะ โดยหากอิงจาก CNN Poll การเลือกตั้งสหรัฐ
-- ล่าสุดช่องว่างระหว่าง Biden และ Trump ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 14 คะแนน โดยผู้คนสหรัฐส่วนมากไม่พอใจกับการจัดการปัญหาความขัดแย้งในครั้งนี้ (ปัจจุบันประชากรสหรัฐสูงกว่า 67% มองว่าเรื่องการเหยียด หรือ Racism เป็นเรื่องสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับในอดีตที่ 50%)
-- ฉะนั้นในระหว่างนี้เราอาจไม่ได้เห็นการตอบโต้การเมืองระหว่างประเทศกับจีนมากนัก เพราะ Trump มีความจำเป็นจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาในประเทศทั้ง 2 (COVID-19, การจลาจล) ด้วยเวลาที่จำกัด และหากสำเร็จจากนั้นเรามีความเชื่อมั่นว่า Trump จะหันกลับมาทำคะแนนเสียงฝั่งการเมืองระหว่างประเทศอีกครั้ง นั่นคือการคุกคามและขู่จีนด้วยมาตรการต่างๆ ซึ่งเราอาจเห็นในลักษณะ Technology war (กลุ่มเทคโนโลยี และ อิเล็กทรอนิกส์มีความเสี่ยงจาก supply disruption) และในกรณีเลวร้าย Trade war