KKP อีกหนึ่งหุ้นแบงก์ที่ปันผลดี
ให้ผลตอบแทนสูงถึง 4.17%

.
สำหรับหุ้นปันผลที่โดดเด่นในสัปดาห์นี้ ยังคงอยู่กับหุ้นกลุ่มการเงิน ซึ่ง Wealthy Thai เชื่อว่านักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนระยะยาวหรือเน้นลงทุนในหุ้นปันผล น่าจะคุ้นเคยและอาจมีหุ้นตัวนี้ติดพอร์ตไม่มากก็น้อย นั่นคือ KKP หรือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหุ้นที่อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ในระดับสูงไม่แพ้ TCAP หรือ TISCO โดยอยู่ที่ 4.17% หรือคิดเป็นอันดับที่ 16 ในดัชนี SETHD
.
ในด้านธุรกิจ KKP หรือ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และธุรกิจตลาดทุน โดยธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ดำเนินการภายใต้ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และธุรกิจตลาดทุน ดำเนินการภายใต้บริษัท เคเคพี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด
.
โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทสไทย พบว่า ตั้งแต่ปี 2559 ถึง 30 มิ.ย. 2565 บริษัทจ่ายปันผลไปทั้งหมด 11 ครั้ง รวมเป็นเงิน 25.2 บาท ปัจจุบัน KKP มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) อยู่ที่ 59,907.64 ล้านบาท P/E อยู่ที่ระดับ 7.31 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 17 พ.ย. 65) โดยราคาหุ้นวันที่ 17 พ.ย. 65 อยู่ที่ 70.75 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาช่วงต้นปี 18.41%
.
นักวิเคราะห์จากบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดครึ่งปีหลัง KKP จะจ่ายเงินปันผลจากกำไรที่ 2.32 บาทต่อหุ้น ทำให้คาดการณ์ว่าทั้งปี 2565 KKP จะจ่ายเงินปันผลที่ 4.07 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 5.8% ส่วนปี 2566 คาดจะจ่ายเงินปันผลที่ 4.64 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 6.6%
.
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/65 ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลการดำเนินงานมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อทั้งจากไตรมาส 4/64 และไตรมาส 3/65 หนุนจากการเติบโตของสินเชื่อยานยนต์และสินเชื่อบ้านที่ยังแข็งแรง จากการขยายตลาดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่โดดเด่น และในเดือนธ.ค. จะมีงาน Motor Expo ซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์
.
นอกจากนี้คาดเห็นส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ขยับขึ้นเล็กน้อยหลังเริ่มปรับเพิ่มดอกเบี้ยสินเชื่อธุรกิจ ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมคาดยังขยายตัวได้ต่อ สอดรับไปกับพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัวขึ้นได้ดี และเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจนายหน้าประกันภัยและธุรกิจ Wealth นอกจากนี้คาดว่าการตั้งสำรองจะเริ่มปรับตัวลง หลังตั้งสำรองล่วงหน้าไปมากในไตรมาส 3/65 ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/65 คาดเศรษฐกิจในประเทศจะเริ่มฟื้นตัว หนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่คึกคักมากขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงที่ลูกหนี้จะตกชั้นเป็นหนี้เสีย ทำให้คาดทั้งปีนี้ KKP จะมีกำไรสุทธิ 8,610 ล้านบาท โต 36.3% จากปีก่อน
.
ทั้งนี้ KKP ได้รับผลกระทบจากพรบ. สัญญาเช่าซื้อฉบับใหม่ ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากปัจจุบันคิดดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สาหรับรถใหม่ต่ากว่า 10% ส่วนรถใช้แล้วมีเพียงบางส่วน (รถยนต์ใช้แล้วที่มีอายุการใช้งานมานาน) ที่คิดดอกเบี้ยเกิน 15% ส่วนข้อกำหนดเกี่ยวกับลักษณะสัญญาคาดไม่ได้รับผลกระทบ เพราะธนาคารปฏิบัติตามเกณฑ์ Market Conduct ของธปท. อยู่แล้ว
.
ฝ่ายวิจัยมองแนวโน้มธุรกิจของ KKP ยังอยู่ในเกณฑ์ดี และมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อในไตรมาส 4/65 จากความโดดเด่นของการขยายพอร์ตสินเชื่อที่โตดีกว่าอุตสาหกรรม บวกกับรายได้ฝั่งตลาดทุนคาดจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปลายปี และคาดการตั้งสำรองจะปรับตัวลง จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานปี 2566 ที่ 85 บาท