การมี License ส่งผลต่อการประสบความสำเร็จในการลงทุนขนาดไหน?
เรามักได้ยินคำที่กล่าวถึงในแวดวงการลงทุนอยู่บ่อยครั้งว่า การครอบครองใบอนุญาตทางการเงินนั้น ไม่ได้มีผลต่อทักษะการลงทุนสักเท่าไหร่ หรือ คนที่ลงทุนประสบความสำเร็จตั้งมากมายก็ไม่เห็นต้องมีความรู้ทางการเงินตามทฤษฎีที่เรียนๆกัน
วันนี้เราจึงขอนำเสนอ บทวิจัยที่ทำการศึกษา ถึง “ทักษะทางการเงิน” และ “ทักษะทางการเงินขั้นสูง” ว่ากลุ่ม ลูกค้าและผู้ให้บริการทางการเงินมีระดับทักษะทางการเงินแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร พร้อมทั้งศึกษาถึงปัจจัยที่ทำให้กลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่มนั้นมีทักษะทางการเงินที่แตกต่างกัน
โดยทางผู้วิจัยจึงได้ทำการแบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็น 2 กลุ่ม
- ลูกค้า
- ผู้ให้บริการทางการเงิน
เมื่อได้ทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบ พบว่า กลุ่มผู้ให้บริการทางการเงินมีระดับทักษะทางการเงินสูงกว่ากลุ่มลูกค้า อยู่ 3 ด้าน ประกอบไปด้วย ด้านพฤติกรรมทางการเงิน ด้านความรู้ทางการเงิน และด้าน ความรู้ในความเสี่ยงและผลตอบแทน
จากผลการวิจัยพบว่า
1.ด้านทัศนคติทางการเงิน ไม่มีความแตกต่าง ระหว่างกลุ่มลูกค้าและผู้ให้บริการกันอย่างส้ินเชิง ทัศนคติทางการเงิน ระหว่างกลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่มนั้น ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ
2.ด้านทักษะทางการเงิน พบว่าทักษะทางการเงินในเกือบทุกด้านของผู้ให้บริการ ทางการเงินสูงกว่ากลุ่มลูกค้าอย่างมีนัยยะสำคัญ
ปัจจัยที่ส่งผลด้านบวกสำหรับทักษะทางการเงิน คือ ปัจจัยด้านเพศชาย,อาชีพนักเรียน-นักศึกษา,ระดับการศึกษา ต้ังแต่ปริญญาตรีขึ้นไป, ระดับรายได้กลาง-สูง ,ความกลัวความเสี่ยง (Risk Aversion),การใช้คำแนะนำจากผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน ตลอดจนจำนวนใบอนุญาตทางการเงิน จากผลการศึกษาน้ี สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของใบอนุญาตทางการเงินท่ีมีผลต่อระดับทักษะทางการเงิน
ปัจจัยท่ีส่งผลกระทบทางลบกับระดับทักษะทางการเงินน้ันประกอบไปด้วย เพศ หญิง , ช่วงอายุ 26-35 ปี , สถานภาพการหย่าร้าง/หม้าย/แยกกันอยู่ , ระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี , ระดับรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท , ความกลัวความเสี่ยง
ในส่วนของผู้ให้บริการทางการเงิน พบว่า
ปัจจัยที่ส่งผลด้านบวกสำหรับทักษะทางการเงิน คือ ด้านเพศชาย , ระดับรายได้ ,ระดับการศึกษาตลอดจนจานวนใบอนุญาตทางการเงิน
ปัจจัยที่ส่งผลด้านลบสำหรับทักษะทางการเงิน คือ เพศหญิง , ช่วงอายุ 26-35 ปี ระดับรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท และในด้านความมั่นใจของกลุ่มตัวอย่างผู้ให้บริการทางการเงิน
จุดร่วมท่ีสำคัญของการวิเคราะห์ในส่วนน้ีพบว่า ปัจจัยด้านสถานภาพในส่วนของเพศ , รายได้ , การศึกษา, จำนวนใบอนุญาตทางการเงินตลอดจนความมั่นใจน้ัน มีลักษณะความสัมพันธ์ต่อทักษะทางการเงิน เป็นไปในรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน ท้ังในกลุ่มลูกค้าและผู้ให้บริการทางการเงิน
นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ระดับความมั่นใจ ของทั้ง 2 กลุ่มตัวอย่างมีผลในทิศทางลบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งการที่มีความมั่นใจในตนเองท่ีสูงข้ึน อาจจะทำให้เกิดผลกระทบในการตัดสินใจทางการเงินการลงทุน ขณะที่การครอบครองใบอนุญาตทางการเงินท่ีสูงข้ึนน้ันย่อมมีผลต่อระดับทักษะทางการเงิน
ในด้านทักษะทางการเงินขั้นสูง เป็นทักษะทางการเงินที่ได้เพิ่มคำถามในส่วนของ ความรู้ด้านความเสี่ยงและผลตอบแทนเพิ่มเข้าไป โดย
ปัจจัยท่ีมีผลต่อระดับทักษะทางการเงินขั้นสูงในทางบวกน้ัน ประกอบไปด้วย ปัจจัยด้านเพศชาย,อาชีพนักเรียน-นักศึกษาและอาชีพอื่นๆ(ในท่ีนี้คือกลุ่มนักลงทุนอิสระ), ระดับการศึกษาต้ังแต่ปริญญาตรีข้ึนไป, ระดับรายได้กลาง-สูง ,ความกลัวความเสี่ยง (Risk Aversion), การใช้คำแนะนำจากผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน และจำนวนใบอนุญาตทางการเงินให้ผลในทางบวก พบว่า กลุ่มตัวอย่างลูกค้าที่มีอาชีพอื่นๆเป็นนักลงทุนอิสระ ซึ่งกลุ่มอาชีพดังกล่าว มีลักษณะเฉพาะคือมี ระดับทักษะทางการเงินในหมวดความรู้ในความเสี่ยงและผลตอบแทนอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ระดับ ทักษะทางการเงินขั้นสูง สูงตามไปด้วย
จากผลการศึกษา พบว่าทักษะทางการเงิน และ ทักษะทางการเงินขั้นสูง ของ กลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่ม นั้นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ แต่เมื่อพิจารณาลงไปในรายละเอียดแล้ว พบว่าในด้านทัศนคติทางการเงิน เป็นทักษะเพียงด้านเดียวที่ไม่มีความแตกต่างกัน และนอกจากนี้ การถือครองใบอนุญาตทางการเงิน นั้น เป็นสิ่งที่รับรองได้ถึงการมีระดับทักษะทางการเงิน และระดับทักษะทางการเงินขั้นสูง
จากบทวิจัยดังกล่าว เป็นเพียงการวิจัยตามการคัดเลือกปัจจัยจำนวนหนึ่งเท่านั้น สำหรับการลงทุนนั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการวิจัยนี้ เช่น ประสบการณ์การลงทุนของนักลงทุน ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาการลงทุน ล้วนมีผลอย่างมากต่อการสร้างผลตอบแทนในตลาดทุน ดังนั้น ผู้เขียนจึงมีความเห็นว่า หากมีความตั้งใจในการศึกษา มีจิตวิทยาการลงทุนที่ถูกต้องแล้ว การลงทุนก็จะไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถอีกต่อไป
- Yoo -
อ้างอิง : บทวิจัยการวัดระดับทักษะการเงินและการมีส่วนร่วมในตลาดทุน
คุณวิศกรณ์ คีรีวรรณ