ห้องเม่าปีกเหล็ก

หุ้นโรงไฟฟ้าขยะ ที่ไม่ขยะ (TPIPP)

โดย ROE
เผยแพร่ :
85 views

หุ้นโรงไฟฟ้าขยะ ที่ไม่ขยะ (TPIPP) !

 บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)

 

 

บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เป็นหุ้นฮ็อตน้องใหม่ที่เพิ่งได้เข้าตลาดได้เพียงไม่นาน โดยบริษัทแม่อย่าง บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่ทำธุรกิจปูนซีเมนต์ ถือหุ้นใหญ่กว่า 70% และส่วนถือเหลือขายให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยก่อนหน้าเข้าตลาดนั้น ได้มีกระแสดความต้องการซื้อ IPO อยู่เป็นจำนวนมาก และสุดท้ายจึงได้เคาะราคาขาย IPO ที่ 7 บาท/หุ้น จากราคา Par ที่ 1 บาท

 

ปัจจุบันดำเนินการธุรกิจอะไรบ้าง ?

 

TPIPP ดำเนินธุรกิจใหญ่ๆ 2 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจพลังงานโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะและความร้อนทิ้งจากโรงปูน และธุรกิจสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ โดยปัจจุบันโรงไฟฟ้าที่ผลิตจากขยะและความร้อนทิ้งจากโรงปูน ถือเป็นแหล่งรายได้หลักที่จะทำให้บริษัทฯ เติบโต และมีรายได้มั่นคงมากยิ่งขึ้น

 

ปัจจุบัน TPIPP มีโรงไฟฟ้าที่ขายให้ กฟผ. รวมแล้ว 80 เมกะวัตต์ (ปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญา 73 เมกะวัตต์) โดยบริษัทฯ ได้รับค่าไฟฟ้าประกอบด้วยค่าพลังงานไฟฟ้าฐานประมาณ 3 บาท/หน่วย บวกกับ Adder ที่ 3.50 บาท/หน่วย (ระยะเวลา 7 ปี) ทำให้บริษัทฯ ได้รับค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวม 6.50 บาท/หน่วย !!

 

นอกจากนั้นยังมีโรงไฟฟ้าที่ขายให้กับ TPIPL รวม 70 เมกะวัตต์ โดย TPIPP ขายให้ที่ราคาค่าไฟฟ้าอัตราเดียวกันกับที่ กฟภ. ขายให้ TPIPLอย่างไรก็ตาม รายได้เฉพาะส่วนของโรงไฟฟ้าปี 2559 มีมูลค่ากว่า 3500 ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติจำนวนทั้งหมดรวม 12 แห่ง มีรายได้ปี 2559 ประมาณ 800 ลบ.

 

เงินที่ได้จากการออก IPO เอาไปลงทุนอะไรบ้าง ?

 

 

                นับเป็นเป็นการออก IPO ที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยสำหรับ TPIPP ที่สามารถเคาะราคา IPO ได้ เท่ากับ 7 บาท/หุ้น ในขณะที่ราคา Par เพียง 1 บาท จะเห็นได้ว่าราคา IPO ที่ออกมานั้นเทียบเท่ากับ P/E ประมาณ 30-32 เท่า ณ ผลประกอบการปี 2559 ในขณะที่ P/E เฉลี่ยของกลุ่มนี้มีค่าเฉลี่ยเพียง 15.6 เท่า ซึ่งมากกว่าเท่าตัว !!!

 

                ดังนั้น TPIPP จึงต้องอธิบายได้ว่าเหตุใด นักลงทุนจึงต้องสนใจซื้อหุ้น IPO ตัวนี้ บริษัทฯ ได้รับเงินจากการออก IPO เป็นทุนที่ออกจำหน่ายและชำระแล้ว 8400 ล้านบาท ในขณะที่ได้รับเงินเกินมูลค่าหุ้น (Premium) กว่า 15000 ล้านบาท โดยจะนำเงินที่ได้ดังกล่าวไปลงทุน ดังต่อไปนี้

 

1 ลงทุนปรับปรุงโรงไฟฟ้าในปัจจุบันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ได้แก่ การปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้งเพื่อเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตไฟฟ้า

 

2 โครงการติดตั้งเครื่องคัดแยกขยะเบื้องต้นเพื่อใช้งานที่หลุมฝังกลบของบริษัทจัดการขยะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณภาพขยะที่จัดส่งให้ TPIPPหม้อผลิตไอน้ำที่ใช้เชื้อเพลิง RDF อีก 2 เครื่อง

 

3 เพื่อสำรองให้กับโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 60 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 70 เมกะวัตต์ ในกรณีที่ต้องหยุดซ่อม (RDF คือ เชื้อเพลิงขยะที่ผ่านกระบวนการแปรรูปจากขยะทั่วไป ซึ่งทำให้มีค่าความร้อนสูงมากขึ้น ส่งผลให้การประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น)

 

 

 

โครงการที่สร้างรายได้ในอนาคต ?

 

                บริษัทฯ มียังสัญญาเพื่อขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. อีก 100 เมกะวัตต์ (ปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญา 90 เมกะวัตต์) โดยหากรวมกับที่มีอยู่ในปัจจุบันจะมีปริมาณรวมถึง 180 เมกะวัตต์ (ปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญา 163 เมกะวัตต์) อีกทั้งยังมีโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงถ่านหินที่จะขายให้กับ TPIPL ขนาด 150 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 440 เมกะวัตต์ ซึ่งโตมากกว่าปี 2559 ที่ 150 เมกะวัตต์ หรือโตเท่ากับ 193% !!!

 

จุดเด่นของหุ้น ?

 

  • TPIPP เป็นโรงไฟฟ้าที่ผลิตด้วยเชื้อเพลิงขยะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งทำให้ได้เปรียบทั้งในเรื่องประสิทธิภาพการผลิต และการจัดหาเชื้อเพลิง บริษัทฯ มีความสามารถในการบริหารเชื้อเพลิงขยะโดยรับขยะมาจากทั้งขยะชุมชนโดยรอบ และจังหวัดใกล้เคียง

 

  • นอกจากการผลิตด้วยเชื้อเพลิงขยะแล้ว บริษัทฯ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากความร้อนทิ้งของโรงปูนมาผลิตไฟฟ้าได้ ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯ ลดลงไปได้อีก (ตามเงื่อนไขของสัญญาระหว่าง กฟผ. และบริษัทฯ กำหนดให้บริษัทฯ ใช้ความร้อนจากโรงปูนในการผลิตไฟฟ้าได้ไม่เกิน 25% ของพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมด)

 

  • การผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีหน่วยงานภาครัฐ (กฟผ.) เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้า จึงทำให้มีความเสี่ยงน้อยในความสามารถของการรับซื้อไฟฟ้า

 

  • บริษัทฯ ได้รับค่าไฟฟ้าที่มีเงินสนับสนุน หรือ Adder เป็นระยะเวลาถึง 7 ปี จึงทำให้บริษัทฯ สามารถคืนทุนได้ไว โดยผลกำไรที่ได้คิดเป็น IRR ประมาณ 38-45% !!! ในขณะที่โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงถ่านหินมี IRR ประมาณ 15%

 

 

ความเสี่ยง ?

  • เนื่องจากบริษัทฯ เป็นโรงไฟฟ้าขยะขนาดใหญ่จึงจำเป็นต้องมีขยะเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ปริมาณเชื้อเพลิงที่เพียงพอต่อการผลิตไฟฟ้าเป็นปัจจัยสำคัญที่บริษัทฯ ต้องคำนึงถึง

 

  • ความล่าช้าของโครงการโรงไฟฟ้าขยะขนาด 90 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯ มีกำหนดการเริ่มจ่ายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. ประมาณปลายปี 2560 ดังนั้นหากการก่อสร้างช้ากว่ากำหนด จะทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้เลื่อนออกไปด้วย

 

  • เนื่องจากพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ ส่วนหนึ่งขายให้กับ TPIPL ดังนั้น หาก TPIPL ไม่มีความต้องการไฟฟ้าช่วงใดช่วงหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อ TPIPP ด้วย

 

  • โรงไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงขยะ จะได้รับ Adder เป็นระยะเวลา 7 ปี นับตั้งแต่วันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า ดังนั้นหากหมดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว จะมีผลต่อรายได้ของบริษัทฯ

 

  • ในโครงสร้างค่าไฟฟ้าที่ขายให้กับ กฟผ. นอกจาก Adder ที่บริษัทฯ ได้รับแล้ว ยังประกอบด้วยค่าไฟฟ้าฐาน ซึ่งส่วนหนึ่งอ้างอิงจากค่า Ft ดังนั้น การขึ้น/ลง ของ Ft จึงมีผลต่อรายได้ของที่บริษัทฯ จะได้รับ

 

สรุป

 

                TPIPP เป็นหุ้นน้องใหม่ที่ได้รับกระแสตอบรับจากการขาย IPO เป็นอย่างดี แต่ในทางกลับกันเมื่อเข้าตลาดวันแรกราคาลดลงจากราคา IPO โดยมีราคาปิดในวันแรกเท่ากับ 6.70 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคา IPO ถึง 4.29% แต่หากนักลงทุนเชื่อมั่นในบริษัทฯ ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาจอง IPO อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษา และติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาและเป็นประโยชน์ของตัวนักลงทุนเองด้วย

 

 

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : http://www.set.or.th

หมายเหตุ : ข้อมูลในนี้เป็นข้อมูลไว้ใช้ในการประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น เป็นทัศนะความคิดส่วนตัวของผู้เขียนเอง มิได้มีวัตถุประสงค์เชิญชวนหรือชี้นำหลักทรัพย์โดยเฉพาะแต่อย่างใด โดยที่ข้อมูลนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังวันดังกล่าวนี้


ROE