ห้องเม่าปีกเหล็ก

BAM หุ้นบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ของไทย

โดย aday
เผยแพร่ :
816 views

BAM หุ้นบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ของไทย

คาดปี 66 ให้ปันผลสูงกว่า 4%

.

กลับมาพบกับ “หุ้นปันผล” อีกเช่นเคย สัปดาห์นี้ Wealthy Thai ขอนำเสนอ BAM หรือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัทบริหารสินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ซึ่งปี 2566-2567 นักวิเคราะห์คาดว่า BAM จะให้อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ในระดับ 4-5% และมีแนวโน้มที่ผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังจะเร่งตัวขึ้นจากครึ่งปีแรกที่ทำผลงานออกมาได้ไม่ดีนัก

.

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบัน BAM มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) อยู่ที่ 33,290.04 ล้านบาท และมี P/E อยู่ที่ระดับ 14.64 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ส.ค. 66) โดยราคาหุ้นวันที่ 17 ส.ค. 66 อยู่ที่ 10.30 บาท ปรับตัวลดลง 34.81% จากช่วงต้นปี และมี Dividend Yield อยู่ที่ระดับ 5.34%

.

โดย BAM เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 16 ธ.ค. 2562 ซึ่งที่ผ่านมามีประวัติการจ่ายปันผลทั้งหมด 4 ครั้ง โดยปีงบการเงิน 2562-2565 จ่ายเงินปันผลที่ 1.05 บาท, 0.51 บาท, 0.55 บาท และ 0.55 บาท ตามลำดับ รวมเป็นเงิน 2.66 บาทต่อหุ้น

.

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ว่าในปี 2566 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.49 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 4.6% และปี 2567 คาดจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.53 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 5.1%

.

สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก BAM มีกำไรสุทธิ 692 ล้านบาท ลดลง 39.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีผลเรียกเก็บรวม 7,357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากผลเรียกเก็บ NPA ที่เพิ่มขึ้นจากกลยุทธ์การคัดทรัพย์ราคาพิเศษมาจำหน่าย

.

พร้อมทั้งแคมเปญและโปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่างๆ รวมถึงมาตรการลคค่าโอน-ค่าจดจำนองของภาครัฐ ช่วยกระตุ้นยอดขายทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ในขณะที่การจัดเก็บหนี้ NPL ลดลง สะท้อนความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ลดลง จากสภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวและปัญหาหนี้ครัวเรือนภายในประเทศ

.

ส่วนแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ผลการดำเนินงานของ BAM จะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หนุนจาก 1. มีลูกหนี้ NPL ภายใต้การบริหารขนาดราว 100-300 ล้านบาท รายหนึ่งขอเลื่อนการชำระเงินเพื่อปิดบัญชีหนี้มาจากไตรมาส 2/66 ซึ่งคาดจะเข้ามาชำระในไตรมาส 3/66, 2. บริษัทมีแผนเร่งเจรจาเพื่อปิดการขายทรัพย์ NPA มูลค่าสูงกว่า 100 ล้านบาท ราว 2-3 รายภายใน 3/66

.

และ 3. แผนเร่งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายแบบครบวงจร ทั้งโปรโมชั่นดันราคา และการร่วมมือกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันการเงินและบริษัทรับเหมาตกแต่งบ้าน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ซื้อทรัพย์มือสองจาก BAM มากขึ้น ทั้งนี้ไตรมาส 4/66 เป็นช่วง High Season ของธุรกิจ ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิจะเร่งตัวขึ้นต่อ หนุนให้คาดว่าทั้งปี 2566 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 2,412 ล้านบาท ลดลง 11.5% จากปีก่อน

.

อย่างไรก็ตาม ในเชิงพื้นฐานฝ่ายวิเคราะห์มองว่า BAM ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว ขณะที่แผนแตกใลน์ธุรกิจใหม่ ทั้งการบริหารหนี้ไม่มีหลักประกัน และการจัดตั้ง JVAMC ถูกเลื่อนออกไป ทำให้แม้ราคาหุ้น BAM ซื้อขายด้วย Valuation ที่ไม่แพง แต่ยังคงคำแนะนำเพียง เก็งกำไร โดยคงมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 14 บาท ในเชิงกลยุทธ์อาจพิจารณาซื้อเพื่อเก็งกำไร ตามทิศทางผลดำเนินงานที่จะเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลังได้

 

 

 

 


aday