ห้องเม่าปีกเหล็ก

จีนเปิดเกมแรง! สหรัฐฯ จ่อเจ็บหนักจากศึกการเงิน

โดย ฒ ผู้เฒ่า
เผยแพร่ :
60 views

จีนเปิดเกมแรง! สหรัฐฯ จ่อเจ็บหนักจากศึกการเงิน

เมื่อสงครามการค้า…อาจกลายเป็นสงครามการเงินเต็มรูปแบบ

 

 

ต้นปี 2025 ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ท่ามกลางเวทีเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากวิกฤตในรอบก่อนๆ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจีนบางประเภทสูงถึง 145% ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง เทคโนโลยี และการสร้างสมดุลทางการค้า

จีนไม่รอช้า ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ ถึง 125% พร้อมส่งสัญญาณว่าอาจใช้มาตรการที่ “แรงกว่าที่เคยใช้” เพื่อกดดันกลับ

ซึ่งรวมถึงการขู่ขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ การควบคุมแร่หายาก และการเพิ่มบริษัทอเมริกันเข้าสู่บัญชีดำ

หนึ่งในหมากสำคัญที่จีนอาจหยิบมาใช้ คือการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ถือครองอยู่ในปริมาณมหาศาล จีนถือครองพันธบัตรและสินทรัพย์หนี้ของสหรัฐฯ รวมกว่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์

หากตัดสินใจขายออกในปริมาณมาก ย่อมส่งผลให้ราคาพันธบัตรตกลงและผลตอบแทน (yield) พุ่งสูงขึ้นทันที โดยเฉพาะในตลาดสินเชื่อจำนองซึ่งมีผลต่อผู้บริโภคอเมริกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งผู้ที่กำลังกู้ซื้อบ้าน ไปจนถึงธุรกิจขนาดเล็กที่พึ่งพาเงินกู้ต้นทุนต่ำ

แต่นี่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ใช้ได้ง่าย เพราะหากจีนเทขายพันธบัตรอย่างรวดเร็ว มูลค่าทรัพย์สินที่จีนถืออยู่จะลดลงเช่นกัน และอาจสร้างความปั่นป่วนในตลาดการเงินโลก จึงมีความเป็นไปได้มากกว่าที่จีนจะใช้ “การขู่” และ “การขายบางส่วนแบบเป็นจังหวะ” มากกว่าการปะทะแบบเต็มพิกัด

ขณะเดียวกัน จีนก็เริ่มบีบซัพพลายเชิงโครงสร้าง ด้วยการควบคุมการส่งออก “แร่หายาก” ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น ซามาเรียม แกโดลิเนียม และดิสโพรเซียม ที่จำเป็นต่อการผลิตชิป อุปกรณ์ทหาร รถยนต์ไฟฟ้า และระบบพลังงานขั้นสูง

การจำกัดแร่เหล่านี้ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานทันที และทำให้บริษัทใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง Nvidia, Tesla และผู้รับเหมาทางการทหารของรัฐบาลอเมริกัน เริ่มวางแผนปรับแหล่งนำเข้า

อีกมาตรการหนึ่งที่กำลังดำเนินอยู่ คือการขึ้นบัญชีดำบริษัทอเมริกันบางแห่ง โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี การทหาร หรือมีประวัติ “ไม่ให้ความร่วมมือ” กับนโยบายของรัฐบาลจีน

บริษัทเหล่านี้อาจถูกห้ามทำธุรกิจในจีน หรือลดระดับความร่วมมือกับซัพพลายเออร์ท้องถิ่น ซึ่งอาจส่งผลให้รายได้จากตลาดจีนหายไปในพริบตา

มาตรการเหล่านี้ส่งผลกระทบชัดเจนต่อตลาดการเงินทั่วโลก ดัชนีหุ้นในฮ่องกงร่วงลงเกือบ 3% ภายในวันเดียว ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ตอบสนองเชิงลบ ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปี นักลงทุนเริ่มทยอยขายสินทรัพย์เสี่ยงแล้วหันมาถือเงินสด ทองคำ และสินทรัพย์ปลอดภัยอื่น ๆ แทน

ในฝั่งของผู้บริโภคอเมริกัน ความเสี่ยงที่ดอกเบี้ยจำนองจะพุ่งสูงขึ้น เริ่มกลายเป็นประเด็นใหญ่ โดยเฉพาะสำหรับผู้กู้ซื้อบ้านและเจ้าของธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก เพราะต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นจะส่งผลโดยตรงต่อกำลังซื้อ และความสามารถในการหมุนเงินในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ

แม้จะดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด แต่รายงานข่าวระบุว่า ยังมีความพยายามเปิดช่องเจรจา โดยมีความเป็นไปได้สูงที่ทรัมป์และสี จิ้นผิง จะพบกันโดยตรงในเร็ว ๆ นี้ เพื่อควบคุมไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามจนเกินจุดกลับตัว

เพราะทั้งสองประเทศต่างก็รู้ดีว่า หากปล่อยให้สถานการณ์ลุกลามเป็นสงครามการค้าเต็มรูปแบบที่กินเวลาเป็นปี ๆ ผลเสียอาจสะเทือนไปทั่วทั้งโลก — โดยที่ไม่มีฝ่ายใดได้ประโยชน์จริงในระยะยาว

เมื่อสงครามการค้าเริ่มลามเข้าสู่สงครามการเงิน ทุกสายตาจึงจับจ้องว่า…ใครจะกล้าเดินหมากต่อไปก่อน และโลกจะรับมือแรงกระแทกที่ตามมาได้มากแค่ไหน

หรือที่สุดแล้ว สงครามนี้จะจบลงตรงโต๊ะเจรจา…หรือบนความเสียหายของทั้งระบบเศรษฐกิจโลก

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก..เพจ KIM Property Live


ฒ ผู้เฒ่า