สวนวิกฤติไวรัส ไทยแชมป์ลงทุน  โฮเทล เรสซิเดนซ์เอเชีย

การระบาดของโควิด-19 แม้จะส่งผลกระทบต่อการชะงักงันของธุรกิจโรงแรม แต่สำหรับโฮเทล เรสซิเดนซ์ (โครงการที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียม ซึ่งมีการดึงแบรนด์โรงแรมมาบริหารจัดการในลักษณะการปล่อยเช่าเป็นโรงแรมหรือการพักอาศัย) ยังคงดึงดูดนักลงทุนระยะยาว สวนวิกฤติโควิดที่เกิดขึ้น

จากรายงาน Asia Hotel Branded Residences Update 2020 พบว่า โฮเทล เรสซิเดนซ์ในเอเชียยังมีการพัฒนาที่แข็งแกร่ง ภายในปี 2568 จะมีโครงการใหม่ถึง 79 โครงการ 16,130 ยูนิต กำลังจะเข้ามาสู่ตลาดในเอเชีย โดยกว่า 88% ของการพัฒนาจะเน้นขายแบบมีโปรแกรมให้เช่า แลกกับผลตอบแทนระหว่าง 3-5% ที่ผู้ซื้อจะได้รับ และมีราว 12% ที่ไม่มีโปรแกรมการปล่อยเช่า

โดยทำเลที่ให้บริการอสังหา ริมทรัพย์พรีเมียม ภายใต้แบรนด์โรงแรมระดับลักชัวรี ตั้งอยู่ในไทยมากที่สุดในเอเชีย คิดเป็นสัดส่วน 29% ซึ่งมี 30 โครงการรวมห้องพัก 4,730 ยูนิต (เฉลี่ยโครงการละ 157 ยูนิต) ที่อยู่ระหว่างพัฒนาปี 2563-2568 ใน 7 เมืองหลัก กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, พัทยา, หัวหิน, เชียงใหม่, เขาใหญ่, กระบี่ มูลค่ากว่า 5.6 หมื่นล้านบาท

การพัฒนาโครงการต่างๆ ในเอเชีย ส่วนใหญ่จะเลือกใช้แบรนด์โรงแรมแมริออทเข้ามาบริหารเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยแอคคอร์, ดุสิต,ไฮแอท, แชงกรี-ลา, อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเทล กรุ๊ป หรือ IHG, วินแดม,โรสวูด,ไมเนอร์,เบสท์ เวสเทิร์น เนื่องจากกว่า 50% ของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นล้วนดึงแบรนด์โรงแรมหรูมาร่วมเป็นพันธมิตรบริหารจัดการโครงการให้

นายบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าการที่กลุ่มอสังหาฯและเชนโรงแรมต่างๆ หันมาลงทุนโฮเทล เรสซิเดนซ์ เพราะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจลดความเสี่ยงในการพัฒนา ขณะเดียวกันยังเป็นทางออกของการลงทุนโรงแรมที่จากเดิมมุ่งเน้นเพียงแค่ผลตอบแทนในตลาดการบริการที่มีต้นทุนสูงและให้ผลตอบแทนต่ำ

ทั้งยังพบว่าโครงการในลักษณะนี้จะสามารถกวาดยอดขายได้จากนักลงทุนจีนมากกว่า 57% ซึ่งเป็นผลมาจากนักพัฒนาชาวจีนรุ่น 2  ให้ความสนใจลงทุนนอกประเทศจีน และมองหาโอกาสมากขึ้นในต่างประเทศ ด้วยข้อเสนอการขายที่น่าดึงดูดของแบรนด์บริหารในระดับนานาชาติ

“โฮเทล เรสซิเดนซ์ส่วนใหญ่ที่กำลังพัฒนาในระยะยาวจะเสร็จสมบูรณ์ และการขายหลังโควิดจะมียอดขายที่ดี แต่โครงการที่มีการขายก่อนหน้านี้ หรือในระหว่างนี้จะค่อนข้างมีผลกระทบ การขายช้าลง บางราย มีการปรับขนาดยูนิต และเริ่มลดราคา ซึ่งการทำเช่นนี้ผู้ซื้อจะเห็นถึงจุดอ่อนของโครงการที่แย่ลง ในสถานการณ์เช่นนี้โฮเทล เรสซิเดนซ์ ต้องไม่หยุดสื่อสารและดำเนินงานให้รุดหน้าหาวิธีทำให้โครงการดีขึ้น จะมีโอกาสมากกว่าหยุดนิ่ง โดยโครงการที่ตั้งอยู่ในเมืองที่เป็นที่อยู่อาศัยหลักจะฟื้นตัวก่อน”    นายบิล กล่าว

นายเศรษฐพล บุตรโท กรรมการบริหารโครงการมอนท์เอซัวร์ กล่าวว่า เราได้รับการติดต่อจากลูกค้าใหม่ ที่ให้ความสนใจโครงการเอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์ เลคไซด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่สำคัญของโครงการ “มอนท์เอซัวร์” อาณาจักรมิกซ์ยูส บนหาดกมลา โดยขายราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท กรรมสิทธิ์ถือครองแบบสมบูรณ์ (Freehold) พร้อมโปรแกรมเช่าสำหรับนักลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง บริหารงานโดยโรงแรม 5 ดาวระดับโลก

นอกเหนือจากลูกค้ามีความสนใจในตัวแบรนด์เอ็มแกลอรี และแอคคอร์ แล้ว ยังประทับใจในศักยภาพการรับมือกับวิกฤติโควิด-19 ของเอเชีย และประเทศไทย ที่ลูกค้าหลายชาติยอมรับว่าดีกว่าหลายๆ ประเทศในแถบยุโรปและอเมริกา

แต่เนื่องจากลูกค้าไม่สามารถมาชมโครงการในสถานที่จริงได้ จึงจำเป็นต้องใช้การสื่อสารทางโทรศัพท์ อี-เมล์ วิดีโอคอลล์โชว์ภาพถ่ายและวิดีโอคลิปของสถานที่จริง และจัดโปรโมชันพิเศษ เพื่อช่วยในการตัดสินใจของลูกค้า ทางโครงการยินดีคืนเงิน 100% ในระยะเวลา 3 เดือน นับจากวันที่ลูกค้าวางเงินจองและเงินทำสัญญา ซึ่งโปรโมชันนี้จะให้เฉพาะลูกค้าที่จองภายในเดือนพฤษภาคมนี้เท่านั้น

สำหรับตลาดภูเก็ต สถานการณ์โดยรวมเริ่มดีขึ้น ซึ่งเรากำลังวางแผนเชิงรุกเพื่อจัดการกับสถานการณ์ในไตรมาส 3 ไปจนถึงปีหน้า เพราะเราเป็นตลาดท่องเที่ยว ครั้งนี้จะเป็นจุดพลิกผันที่แท้จริงของนักลงทุน ที่ต้องศึกษาความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้พัฒนาโครงการให้มากขึ้น ซึ่งเราถือว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อตลาดและต่อผู้บริโภค และเรามั่นใจในคุณภาพของโครงการเรา

ทั้งด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จะเป็นสิ่งที่ช่วยตอกย้ำความสำคัญของผู้พัฒนาและผู้บริหารโครงการ นอกเหนือไปจากโลเกชัน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักอันดับ 1 ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ก็ตามมาติดๆ เป็นอันดับ 2 นอกเหนือไปจากคุณภาพและบริการแล้ว แบรนด์จะเป็นตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพในการรับมือสถานการณ์วิกฤติต่างๆ

โฮเทล เรสซิเดนซ์ เป็นคอนเซ็ปต์ที่ตอบโจทย์การลงทุนและการบริหารสินทรัพย์ให้แก่นักลงทุน แต่ โฮเทล เรสซิเดนซ์ ที่อยู่ภายใต้การบริหารขององค์กรและแบรนด์ที่แข็งแรง จะเป็นการตอบโจทย์การลงทุนระยะยาวอย่างแท้จริง 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก