SCB : กำไรไตรมาส 1/68 ดีกว่าคาด แนวโน้มไม่แน่นอนมากขึ้น

กำไรไตรมาส 1/2568 ดีกว่าคาด SCB รายงานกำไรไตรมาส 1/2568 ที่ 1.25 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 7% QoQ และ 11% YoY จากอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (non-NII) ที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่ลดลงเล็กน้อย กำไรสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 12% และสูงกว่าของตลาด 5%
คุณภาพสินทรัพย์ปรับดีขึ้น แต่ความเสี่ยงยังคงอยู่ที่สินเชื่อรายย่อย SCB รายงานอัตราส่วนหนี้เสีย (NPL ratio) ไตรมาส 1/2568 ที่ 4.1% ทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้น 20bps YoY การก่อ NPL ใหม่ไตรมาส 1/2568 ลดลงเหลือ 0.53% เทียบกับ 0.63% ในไตรมาส 4/2567 และ 0.61% ในไตรมาส 1/2567 จากการก่อ NPL ใหม่ที่ลดลงของสินเชื่อ SME และสินเชื่อธุรกิจ ขณะที่การก่อ NPL ใหม่เพิ่มขึ้นสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรถยนต์ ขณะที่ธุรกิจ Gen แสดง credit cost ที่ลดลงในไตรมาส 1/2568 สาเหตุหลักมาจากธุรกิจบัตรเครดิต CardX ขณะที่ SCB พบว่าความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่สูงขึ้นสำหรับธุรกิจ AutoX ทำให้การเติบโตของสินเชื่อของ AutoX หยุดชะงักในไตรมาส 1/2568 เราคาดว่า credit cost อาจเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2-3/2568 จากความเสี่ยงที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีศุลกากร
เป้าหมายทางการเงินปี 2568 ท้าทายมากขึ้น ระหว่างการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ SCB เปิดเผยว่าเป้าหมายปี 2568 ดูเหมือนจะท้าทายมากขึ้นจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ โดย SCB คาดว่าการเติบโตของสินเชื่ออาจไม่ถึง 1-3% ในปี 2568 และเป้า อัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่ 3.6-3.8% น่าจะอยู่ใกล้ขอบล่างเนื่องจากคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกในปี 2568 ยิ่งไปกว่านั้น SCB คาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อาจลดลงได้เพื่อรองรับอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อที่ลดลง ซึ่งบริษัทฯ จะพยายามบรรลุเป้าการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่ระดับ 2-4% ในปี 2568 โดยส่งเสริมธุรกิจการจัดการความมั่งคั่งเพื่อครอบคลุมค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อและธุรกิจประกันผ่านธนาคารที่ลดลง ขณะเดียวกัน อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (CIR) ดีกว่าเป้าหมายที่ 42-44% ซึ่งจะเป็นพื้นที่สำคัญในการบรรเทาผลกระทบจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่ลดลง SCB คาดว่า credit cost จะอยู่ที่ระดับบนของเป้าหมายที่ 1.5-1.7% ในปี 2568 โดยเราเชื่อว่าประมาณการกำไรล่าสุดของเรายังคงสมเหตุสมผล เนื่องจาก CIR ที่ดีกว่าคาด น่าจะหักล้างกับการเติบโตของสินเชื่อที่อ่อนแอลงและเป้าหมาย credit cost
สินเชื่อเชิงพาณิชย์บางส่วนเสี่ยงต่อการส่งออกไปสหรัฐฯ SCB ระบุว่ามีลูกค้าที่ไม่ใช่รายย่อยที่มีความเสี่ยงจากการส่งออกของสหรัฐฯ อยู่ประมาณ 2 แสนลบ. คิดเป็น 8% ของสินเชื่อรวม โดย SCB กำหนดสำรองส่วนเกิน (management overlay) ไว้ที่ 700 ลบ. จากความคาดหวังที่ว่า GDP จะเติบโตเพียง 1.5% ขณะที่ขั้นตอนต่อไปคือการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับลูกค้าเหล่านี้จากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าอาจมีการปรับลดระดับคุณภาพและ management overlay สำหรับลูกค้าเหล่านี้ในไตรมาส 2-3/2568
มุมมอง KS
แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 110.00 บาท การเติบโตของรายได้และเป้า credit cost ดูท้าทายมากขึ้น ขณะที่การควบคุมต้นทุนช่วยบรรเทาผลกระทบ เราคาดว่า SCB จะเสนออัตราตอบแทนเงินปันผลที่แข็งแกร่งที่ 9% ในปี 2568