CPF – GFPT เด่นสุดในกลุ่มฯ
กำไรผ่านจุดต่ำสุด ผลงานฟื้นตัวเต็มสูบ
.
ช่วงที่ผ่านมาหุ้นส่งออกเนื้อสัตว์ได้รับปัจจัยกดดันทั้งจากต้นทุนอาหารสัตว์ที่ทรงตัวในระดับสูงและราคาขายเฉลี่ยเนื้อสัตว์ในหลายประเทศที่ปรับตัวลง ทำให้แนวโน้มผลประกอบการในปี 2566 อาจออกมาไม่ดีนัก แต่ล่าสุดได้มีปัจจัยบวกเข้ามาช่วยหนุน นั่นคือ มาเลเซียได้ประกาศรับรองโรงงานผลิตปศุสัตว์ของไทยเพิ่มอีก 11 แห่ง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มการส่งออกไก่ของผู้ประกอบการไทยและราคาไก่ให้ปรับตัวดีขึ้น
.
โดยนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า หน่วยงาน Department of Veterinary Services (DVS) และ Department of Islamic Development Malaysia (JAKIM) ของประเทศมาเลเซีย ได้ประกาศรับรองโรงงานผลิตสินค้าปศุสัตว์ของประเทศไทยเพิ่มอีก 11 แห่ง ได้แก่ โรงฆ่าไก่ 7 แห่ง โรงฆ่าเป็ด 1 แห่ง และโรงงานผลิตภัณฑ์นม 3 แห่ง รวมปัจจุบันมาเลเซียรับรองโรงงานผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ของประเทศไทยแล้ว 37 แห่ง ซึ่งคาดการณ์ในปี 2566 มูลค่าการส่งออกไปยังประเทศมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นกว่า 1,500 ล้านบาท
.
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มองประเด็นนี้จะเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกสัตว์ เช่น CPF, GFPT และ BR โดยเน้น CPF ราคาเป้าหมาย 23 บาท และ GFPT ราคาเป้าหมาย 14 บาท จากแนวโน้มการส่งออกไก่และราคาไก่ดีขึ้น
.
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานของหุ้นรายตัวนั้น Wealthy Thai ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาฝาก โดยแนวโน้มการดำเนินงานของ CPF บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ทิศทางราคาวัตถุดิบคือถั่วเหลืองปรับตัวลง เนื่องจากผลผลิตถั่วเหลืองสหรัฐของปีนี้เพิ่มขึ้น นับเป็นปัจจัยบวกต่อต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ของ CPF นอกจากนี้ CPF ยังสามารถนำเข้าข้าวสาลีมาทดแทนข้าวโพดที่ราคาเพิ่มขึ้น ประกอบกับทิศทางราคาเนื้อหมูในไทย เวียดนาม และจีนผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
.
ดังนั้นจึงคาดผลการดำเนินงานของ CPF ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 1/66 และคาดทรงตัวถึงเพิ่มขึ้นใน 2/66 ก่อนจะฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาส 3/66 เนื่องจากเป็นช่วงส่งออกและราคาหมูไทยน่าจะดีขึ้นมาก คงแนะนำ ทยอยสะสม CPF ที่ราคาเป้าหมายปีนี้ 23 บาท และราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 27 บาท บน P/E 15 เท่า
.
ประเมินกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 11,123 ล้านบาท ลดลง 20% เนื่องจากผลการดำเนินงานอ่อนตัวในช่วงครึ่งปีแรก แต่จะดีขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป นอกจากนี้คาดผลการดำเนินงานในปี 2567 จะเติบโตจากการบริโภคและราคาเนื้อสัตว์ในไทยที่ฟื้นตัว รวมทั้งธุรกิจในเวียดนามและจีนดีขึ้น
.
ส่วน GFPT บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดวอลุ่มส่งออกไก่ของ GFPT จะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/66 ต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 3/66 ซึ่งได้อานิสงค์จากช่วงไฮซีซั่นและราคาไก่ที่ยังคงยืนในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้คาดว่าราคาข้างโพดในประเทศในไตรมาส 2/66 จะอยู่ที่ 12.8 บาทต่อกก. ลดลง 2% จากไตรมาส 2/65 และ 3% จากไตรมาส 1/66 ซึ่งจะสะท้อนเป็นต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงในไตรมาส 3/66
.
แม้ว่าจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับปี 2565 ได้เนื่องจากฐานกำไรที่สูงมาในไตรมาส 2-4/65 แต่ฝ่ายวิเคราะห์คาดจะเห็นกำไรฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ตั้งแต่ไตรมาส 2/66 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/66 โดยคาดกำไรหลักที่ 320 ล้านบาท ลดลง 34% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสก่อนหน้า และกำไรหลักที่ 400 ล้านบาท ลดลง 46% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนปี 2566 คาดกำไรสุทธิ 1,426 ล้านบาท ลดลง 30.23%
.
ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าหุ้น GFPT เข้ากับธีมการลงทุนในหุ้นที่กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและมูลค่าหุ้น ณ ปัจจุบันยังคงถูกโดยมีปัจจัยหนุนจากกำไรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า คงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 15.90 บาท
