ห้องเม่าปีกเหล็ก

กลุ่มธุรกิจตอกเสาเข็ม

โดย ฉลุย
เผยแพร่ :
152 views

กลุ่มธุรกิจตอกเสาเข็ม การเปิดตัวโครงการก่อสร้างใหม่ลดลง

 

มุมมองเชิงลบต่อ SEAFCO และ PYLON จากประมาณการโครงการก่อสร้างใหม่ที่จะถูกนำขึ้นมาประมูลน้อย

 

ลดประมาณการกำไรปกติปี 2567 ของ SEAFCO ลง 26% และ PYLON ลง 35% และ ลด TP กลางปี 2567 ลง 16% สำหรับ SEAFCO และ 27% สำหรับ PYLON

 

ลดมุมมองต่อกลุ่มและคำแนะนำสำหรับ PYLON เป็น”ถือ” เราชอบผู้รับเหมางานโยธามากกว่าผู้รับเหมาตอกเสาเข็มจากระยะเวลาโครงการและมูลค่า backlog

 

กลยุทธ์การลงทุน

 

SEAFCO เราคาดว่า SEAFCO จะประกาศกำไรปกติในไตรมาส 2/2566 ที่ 33.8 ลบ. พลิกจากผลขาดทุนปกติในไตรมาส 2/2565 ที่ 57 ลบ. จาก backlog ที่เพิ่มขึ้น แต่ลดลง 12.9% QoQ เนื่องจากโครงการ เทนธ์ อเวนิว ก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2566 พรีวิวกำไรปกติไตรมาส 2/2566 ของเราคาดจะอยู่ที่ 33.2% ของกำไรปกติในปี 2562 (ระดับก่อนเกิดโรคระบาด) และพรีวิวกำไรปกติครึ่งแรกของปี 2566 ของเราจะคิดเป็น 73% ของประมาณการกำไรปกติในปี 2566 (ก่อนการปรับปรุง) ขณะที่ทีมนักลงทุนสัมพันธ์ของ SEAFCO ระบุว่ามีสัญญาณที่ต้องระมัดระวังจากความไม่แน่นอนทางการเมือง backlog ไตรมาส 1/2566 รวม 1.2 พันลบ. ประกอบด้วย 1) รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ โครงการ “นอร์ทโพล” ซึ่งเป็นอาคารมิกซ์ยูส และทางด่วนพระราม 2

 

PYLON เราคาดว่า PYLON จะรายงานกำไรปกติไตรมาส 2/2566 ที่ 31.5 ลบ. ลดลง 42% YoY และ 48% QoQ จากการสร้าง backlog ที่ช้า พรีวิวกำไรปกติไตรมาส 2/2566 ของเราจะอยู่ที่ 70% ของกำไรปกติในไตรมาส 2/2562 และพรีวิวกำไรปกติครึ่งแรกของปี 2566 ของเราจะคิดเป็น 55% ของประมาณการกำไรปกติในปี 2566 ในขณะเดียวกัน ทีมนักลงทุนสัมพันธ์ของ PYLON แสดงความกังวลเกี่ยวกับโครงการตอกเสาเข็มใหม่จากทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ใช้เวลานานเกินไป มูลค่า backlog ไตรมาส 1/2566 รวม 1.2 พันลบ. ประกอบด้วย

1) โครงการ “นอร์ทโพล” ซึ่งเป็นอาคารมิกซ์ยูส

2) อาคารคอนโดมิเนียมขนาดกลาง

3) รถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน

 

แนวโน้ม เรามีมุมมองเชิงลบต่อ SEAFCO และ PYLON ประการแรก backlog จำนวนมากจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ประการที่สอง โครงการรถไฟความเร็วสูงของ PYLON มูลค่า 400 ลบ. จะล่าช้าอย่างแน่นอน ประการที่สาม ความล่าช้าของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะจำกัดการเปิดตัวโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ใหม่ ประการที่สี่ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะทำให้ภาคเอกชนชะลอการขยายโครงการอย่างจริงจัง ประการที่ห้า ผู้ดำเนินการตอกเสาเข็มทั้งสองมีโครงสร้างต้นทุนคงที่ค่อนข้างสูงเกี่ยวกับอุปกรณ์ตอกเสาเข็มและแรงงานฝีมือ

 

ปรับประมาณการกำไร เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2566 และ 2568 ของ SEAFCO ขึ้น 34% และ 8.3% เพื่อสะท้อนถึง backlog ที่มีอัตรากำไรสูงของ SEAFCO ในปี 2566 และเสถียรภาพทางการเมืองที่ดีขึ้นในปี 2567 อย่างไรก็ตาม เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2567 ลง 26% ซึ่งสะท้อนถึงความล่าช้าของการเปิดโครงการก่อสร้างใหม่ที่อาจเกิดขึ้น สำหรับ PYLON เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2566 และ 2567 ลง 33% และ 35% จากความล่าช้าของโครงการรถไฟความเร็วสูงและความล่าช้าของโครงการก่อสร้างใหม่ ในขณะเดียวกัน เราเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2568 ของ PYLON ขึ้น 7% เนื่องจากเสถียรภาพทางการเมืองที่มีแนวโน้มดีขึ้นในปี 2567

 

มุมมอง KS

 

เป็นกลาง เราปรับลดมุมมองการลงทุนในกลุ่มธุรกิจตอกเสาเข็มจาก “เชิงบวก” เป็น “เป็นกลาง” เนื่องจากเรามีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรจากความล่าช้าของการเปิดตัวโครงการก่อสร้างใหม่ จากประมาณการกำไรใหม่ของเรา มูลค่าองค์กรของ SEAFCO และ PYLON อยู่ที่ 52% และ 72% ของระดับก่อนเกิดโรคระบาด ในขณะที่ประมาณการกำไรปกติในปี 2567 ของเราอยู่ที่ 38% และ 58% ตามลำดับ

 

SEAFCO เราคงคำแนะนำ “ถือ” เนื่องจากเราเชื่อว่าโมเมนตัมกำไรที่ดีในไตรมาสต่อ ๆ ไปน่าจะสนับสนุน backlog ที่หมดไป อย่างไรก็ตาม เราปรับลดราคาเป้าหมายอิง PER กลางปี 2567 ลง 15.7% จาก 3.81 บาท เป็น 3.21 บาท ซึ่งยังคงตรึงที่ 0.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต

 

PYLON เราลดราคาเป้าหมายอิง PER กลางปี 2567 ของ PYLON ลง 27.3% จาก 4.97 บาท เป็น 3.62 บาท ซึ่งยังคงตรึงที่ 0.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต เราจึงปรับลดคำแนะนำสำหรับ PYLON จาก “ซื้อ” เป็น “ถือ”

 

ความเสี่ยงขาลง:

1) การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าออกไปอีก

2) นโยบายการจัดซื้อจัดจ้างที่เข้มงวดขึ้นของรัฐบาลใหม่

3) โครงการใหม่ของเอกชนที่ชะลอตัว

 

 

 


ฉลุย