ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดแนวโน้ม SET เดือนก.ย. พร้อมสแกนหุ้นเด็ดน่าลงทุน

โดย คเณชา
เผยแพร่ :
270 views

เปิดแนวโน้ม SET เดือนก.ย. พร้อมสแกนหุ้นเด็ดน่าลงทุน

ผู้สื่อข่าว "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" รายงานว่า นักวิเคราะห์ชั้นนำของไทย เริ่มออกมาประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.ย.65 โดยมุมมองของแต่ละโบรกฯ มีความเห็นที่ค่อนข้างต่างกัน ทั้งในเชิงบวกและลบ

.

โดยฝั่งนักวิเคราะห์ที่มองในเชิงบวก มีมุมมองต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ กำไรบริษัทจดทะเบียนที่ดีต่อเนื่องและผลกระทบต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางระดับโลกที่มีจำกัด รวมถึงเงินเฟ้อที่มีสัญญาณลดลงตาราคาสินค้าโภคภัณฑ์

.

ส่วนในกลุ่มที่มองในเชิงลบ ยังกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศ ที่อาจจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอลงทุนได้ในเดือนนี้

.

*** บล.เอเซียพลัส มองหุ้นไทยแกร่งกว่าหุ้นโลก
 


บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส มองว่า SET Index ในเดือน ก.ย. จะเข้าสู่โหมดแจ่มใส โดยตลาดหุ้นไทยไฉไลกว่าหุ้นโลก โดยเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวเด่นกว่าหลายประเทศทั้งครึ่งปีหลังของปีนี้ และปี 66

.

ขณะที่ความเสี่ยงต่างๆ เริ่มอยู่ในกรอบจำกัด พร้อมกับเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของ Fundamental และ Fund Flow ที่ชัดเจน โดยความเสี่ยงที่จำกัด เช่น ด้านภูมิรัฐศาสตร์สงครามรัสเซีย-ยูเครน คาดตลาดการเงินดูดซับพัฒนาการของเหตุการณ์ไว้ในราคาแล้วเป็นส่วนใหญ่

.

ส่วนการชะลอตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐ ยุโรป หรือ จีน นำไปสู่การใช้นโยบายการเงินตึงตัวลดลง แต่ยังต้องติดตามความคืบหน้าประเด็น QT อาจกดดันให้ตลาดผันผวนได้ในบางช่วงเวลา

.

ดังนั้นฝ่ายวิจัย จึงเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยเป็น 35% ของพอร์ตการลงทุน ด้านกลยุทธ์ เน้น Selective Buy และกระจายการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี กำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น TIDLOR,M,HMPRO และ SCB เป็นต้น

.


*** บล.ไอร่า มองตลาดก.ย.พักฐาน แนะติดตามกระแสเงินทุนต่างชาติ

บล.ไอร่า ประเมินทิศทางตลาดเดือน ก.ย. คาดมีแนวโน้มพักฐาน หลังภาพรวมตลาดเมื่อเดือน ส.ค. ฟื้นตัวได้ดีตามที่คาดไว้ก่อนหน้า โดยมองว่า ตลาดมีความกังวลเพิ่มขึ้น ต่อท่าทีการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อเนื่อง คาดยังกดดันทิศทางตลาดได้

.

โดยตั้งแต่เดือน ก.ย. เป็นต้นไป เฟด จะปรับเพิ่มวงเงินในการลดขนาดของงบดุล (QT) ที่ระดับ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ส่งผลให้กระแสเงินทุนส่วนเกินลดลง เป็นจิตวิทยาเชิงงบต่อตลาดเช่นกัน

.

ส่วนในประเทศ แนะนำติดตามกระแสเงินทุนต่างชาติอย่างใกล้ชิด หลังเดือน ส.ค. ซื้อสุทธิหุ้นไทยไปกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าหากเงินดออลาร์กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง จะส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่า และเป็นปัจจัยให้กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัวลงได้

.

***บล. ฟินันเซีย ไซรัส แนะหุ้นกลุ่ม Domestic และ Reopening Play

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะถูกกดดันจากถ้อยแถลงของเฟดที่ Hawkish มากขึ้น แต่มองกระทบหุ้นไทยน้อยกว่าและยังคงให้น้ำหนักกับเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น คาดว่าจะยังหนุนกลุ่มพลังงานซึ่งเป็น Sector ใหญ่ของตลาด ทำให้การพักตัวไม่รุนแรง

.

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นในกลุ่ม Domestic และ Reopening Play โดยเฉพาะที่ Valuation ยัง Laggard จาก SET Index ที่ฟื้นเร็วในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา

.

***บล.ทิสโก้ มองหุ้นไทยก.ย.ผันผวน ให้เป้า SET ปีนี้ที่ 1,720 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มองว่า ในเดือนก.ย.นี้เป็นต้นไป ตลาดหุ้นจะเกิดความผันผวนได้ง่าย โดยมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม ทั้งการประชุมธนาคารกลางสำคัญๆหลายแห่ง ซึ่งยังเร่งเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย และอาจมากกว่าตลาดคาด รวมถึงการดึงสภาพคล่องออกจากระบบของเฟด

.

ขณะเดียวกันยังต้องติดตามความไม่แน่นอนของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี ภายในเดือนนี้ อาจทำให้เกิด Foreign Fund Flows ชะลอตัวหรือพลิกเป็นไหลออกได้ในระยะสั้น

.

ทั้งนี้ หากดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ขึ้นผ่านจุดสูงสุดชั่วคราวที่บริเวณดัชนี 1,650 - 1,665 จุด มองระดับการปรับฐานที่น่าสนใจต่อการทยอยสะสมจะอยู่ที่บริเวณ 1,570 - 1,600 จุด และโอกาสจะกลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้งในไตรมาส 4 โดยยังคงเป้าหมาย SET Index ที่เหมาะสมปีนี้ที่ 1,720 จุด และ หุ้นเด่นที่เราแนะนำในเดือนกันยายน คือ AOT, CENTEL, CK, DMT, HANA, SCB, SPA และ TFG ด้านแนวรับสำคัญเดือนนี้อยู่ที่ 1,600 จุด และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,650 - 1,665 จุด และ 1,700 จุดตามลำดับ

.


*** บล.ทรีนีตี้ มองจังหวะเข้าสะสมหุ้นที่ 1,600-1,610 จุด

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด มองหุ้นไทยเดือนก.ย.ยังผันผวนไปตามปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ ให้กรอบดัชนี 1,570- 1,690 จุด มองจังหวะเข้าสะสมหุ้นที่บริเวณ 1,600-1,610 จุดหรือต่ำกว่า

.

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ 4 ธีม คือ 1.กลุ่ม Domestic play ที่ราคายังคง Laggard เช่น ธนาคาร และกลุ่มสื่อฯ 2.กลุ่มสื่อสารที่ราคาหุ้นปรับลงจน Valuation อยู่ในระดับน่าสนใจ 3. กลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลาง-เล็กที่ได้ประโยชน์จากนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และ 4.กลุ่มหุ้นส่งออกอาหาร-เกษตรที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า และเห็นยอดการส่งออกเติบโตต่อเนื่อง

 

 

***********************************

 


คเณชา