ห้องเม่าปีกเหล็ก

ศุภชัย CEO เครือซีพี ชี้เมกะเทรนด์ เปลี่ยนโลก ที่จะเกิดขึ้นในเมืองไทยต่อจากนี้

โดย sine2528
เผยแพร่ :
60 views

ศุภชัย CEO เครือซีพี ชี้เมกะเทรนด์ เปลี่ยนโลก ที่จะเกิดขึ้นในเมืองไทยต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศีกษา เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม จะต้องเปลี่ยนแปลง แต่คำถามคือจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และในทิศทางใด ?

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวถึงทิศทางประเทศไทยต่อจากนี้ ในงานเสวนาเรื่อง “ประเทศไทยจะไปต่อได้อย่างไร” ซึ่ง จัดโดยหนังสือพิมพ์มติชน ที่แกรนด์ฮอลล์ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทลแบงค็อก กรุงเทพฯ 

โดยบางส่วนในงานสัมนาได้กล่าวถึงระบบ “เศรษฐกิจดิจิทัล” ที่ปัจจุบันยังเป็นเมกะเทรนด์โลกที่กำลังเติบโตและกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ โดยธุรกิจที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ต้องเกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี, แอพพลิเคชั่น, แพลตฟอร์มออนไลน์, คลาวด์เทคโนโลยี, บล็อกเชน , Automation Robotics, AI, เทคโนโลยี 5G และ IoT ที่สามารถเชื่อมโยงทุกอย่างบนเครือข่ายอัจฉริยะ ซึ่งปัจจุบันสิ่งที่มีค่ามากกว่าพลังงาน คือ ข้อมูล หรือ Big Data ที่เชื่อมโยงข้อมูลทุกเรื่องสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมและภาคการผลิต

“ขณะนี้โลกกำลังขับเคลื่อนไปสู่เทคโนโลยี ซึ่งเทคโนโลยีก็มีหลายด้าน ทั้งไบโอเทคโนโลยี ดิจิทัลเทคโนโลยี นาโนเทคโนโลยี ออโตเมชั่นเทคโนโลยี เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นเมกะเทรนด์ของโลกและแตกแขนงออกไปอีกหลายตัว การปรับตัวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีก็ต้องเริ่มเรียนรู้และเข้าไปทำ ซึ่งในวิกฤติมีโอกาสเสมอ อยู่ที่เราเห็นหรือไม่ ถ้าเราเห็นและลงมือทำก่อน ก็สามารถเป็นผู้ประกอบการใหม่ได้ หรือเข้าสู่ทำงานองค์กรต่างๆ แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลง”

 

สอดคล้องกับแนวโน้มเมกะเทรนด์ที่เริ่มมีให้เห็นบ้างแล้วในบ้านเราตอนนี้  ทั้งในภาครัฐและภาคธุรกิจ  อย่างล่าสุดในส่วนกับนโยบายของภาครัฐ มีการนำข้อมูลบิ๊กดาต้าของประชาชนไปวิเคราะห์ (Data Analytics) เพื่อวางแผนบริหารจัดการในหลายมิติ โดยดึงความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน สร้างเป็นระบบนิเวศหรืออีโคซิสเต็ม สำหรับบริการดิจิทัลของประเทศ ทั้งบริการดิจิทัลภาครัฐ และภาคเอกชน บริการทางการแพทย์ อี-คอมเมิร์ซ และระบบขนส่งมวลชน โดยมี แอพอี-วอลเล็ต “เป๋าตัง” และระบบการชำระเงิน เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อการทำธุรกรรมดิจิทัลต่างๆ

หรือภาคธุรกิจเองที่มีการนำบิ๊กดาต้ามาใช้วิเคราะห์ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า เช่น Netflix บริษัทผู้ให้บริการสตรีมมิ่งรายใหญ่ที่มีข้อมูลอยู่ในมือมหาศาล เพื่อใช้ในการวิเคราะห์หาข้อมูลเชิงลึกเพื่อดูพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าหลายล้านคนทั่วโลก Netflix ใช้ข้อมูลที่วิเคราะห์ได้ในการสร้างโปรแกรมการฉายหนังที่ถูกใจลูกค้า และใช้เพื่อดูว่าภาพยนต์เรื่องไหนที่ควรซื้อลิขสิทธิ์เอามาลงใน Netflix

หรือแม้แต่กระทั่งแบรนด์ร้านกาแฟระดับโลกอย่าง Starbucks ที่สามารถเปิดหลายสาขาในบริเวณใกล้ๆกันได้ โดยไม่ขาดทุนเลยสักร้าน นั้นก็เพราะ Starbucks ใช้ Big Data ในการวิเคราะห์หาความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จของแต่ละโลเคชั่นที่ไปตั้ง ด้วยการเก็บข้อมูลสถานที่ตั้ง การจราจร ข้อมูลประชากรในพื้นที่ และพฤติกรรมผู้บริโภคการวิเคราะห์และประเมินแบบนี้เอง ที่ช่วยให้ก่อนจะตัดสินใจเปิดสาขาใหม่ของ Starbucks สามารถคำนวณและประมาณการได้ว่าเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นนั้นมีเท่าไหร่ หากเลือกจะไปเปิดสาขาที่สถานที่นั้นๆ ถือเป็นประโยชน์และมีผลต่ออัตตราการเติบโตของผลกำไรของ Starbucks มาก

 

ในยุคของข้อมูลที่เกิดขึ้นรวดเร็วและมีจำนวนข้อมูลมหาศาล ใครพร้อมก่อน ก็สามารถเป็นผู้นำได้ก่อน ยิ่งในยุคโควิด 19 ที่ปรับพฤติกรรมของผู้คนใหม่กลายเป็น New Normal ความสามารถในการปรับเปลี่ยนตัวเอง หรือเปลี่ยนองค์กรให้ล้อไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกให้ทัน นั้นคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ข้ามฝ่าวิกฤตินี่ไปได้

 


sine2528