PTT ยกเลิกสัญญากับ CPALL พร้อมดันจิฟฟี่มาเสียบแทน นี้คือคำโปรยของข่าวที่มีตามหน้าหนังสือพิมพ์ และเป็นที่สนใจของคนทั้งในตลาดและนอกตลาด คนนอกตลาดอาจจะมองว่าก็เป็นปกติของการทำธุรกิจที่ไม่มีเพื่อนแท้และศัตรูที่ถาวร แต่สำหรับคนในตลาดแล้วอาจจะมองว่า ราคาหุ้น CPALL อาจจะลงมาถึงจุดหนึ่งและเป็นโอกาสซื้อเพราะปัจจุบัน CPALL มีสาขาทั่วประเทศไทยมากว่า 1 หมื่นสาขา และสาขาที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมัน PTT เพียง พันกว่าสาขา เท่านั้นเอง คิดเป็น 10% อาจจะไม่กระทบกับงบการเงินอะไรมากนัก ถึงกับมีคำกล่าวในห้องค้าว่า "ลงมาต้องซื้อ"
มาวันนี้ คนเล่นหุ้น ไม่ได้สนใจว่า PTT กับ CPALL จะยกเลิกธุรกิจกันหรือไม่ และ PTT จะเสียหายมากแค่ไหน CPALL จะมีกำไรลดลงมากไหม แต่ที่น่าสนใจจริงๆ คือ การวิเคราะห์ของโบรคเกอร์ และตัวนักลงทุนรายย่อยเองที่พร้อมใจกันเชียร์ "ซื้อ" ต่างหาก
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ประเมินผลกระทบระยะยาวน่าจะจำกัดจากการที่ CPALL มีการเปิดสาขาปีละ 700 แห่ง อย่างไรก็ตาม การเสียสาขาในสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งมีปริมาณผู้ซื้อสูงอาจทำให้การเติบโตชะลอลง เป็นปัจจัยลบระยะสั้นต่อจิตวิทยาหุ้น CPALL
บล.เคจีไอ มองว่าประเด็นนี้มีผลกระทบ จำกัด ต่อ CPALL เนื่องจากสาขาในสถานี ปตท. มีสัดส่วนประมาณ 10% ของสาขารวมและจะสร้างกำไรประมาณ 4-5% ของกำไรรวมของ CPALL ที่คาดไว้คือ 2 หมื่นล้านบาท (+20% YoY) จึงคาดว่าโอกาสในการขยายสาขาร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในสถานี ปตท. ยังคงอยู่ อิงจาก
1) สาขา ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สามารถดึงคนให้เข้ามาในปั้ม
2) มีรายได้ค่าเช่ามีความมั่นคงกว่ารายได้จากการเปิดร้านสะดวกซื้อ
และ (3) การจัดการโลจิสติกส์และร้านค้าของจิฟฟี่ น่าจะต้องใช้เวลาในการพัฒนา จึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมายกลางปี 61 ที่ 77 บาท
บล.บัวหลวง มองว่าหากราคาหุ้น CPALL มีการย่อตัวลงมาจากข่าวนี้ เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องจากเห็นว่าประเด็นนี้เป็นแผนงานที่ PTT วางมานานแล้ว ตั้งแต่ PTT เข้าไปซื้อแบรนด์ Jiffy ในปี 2009 แต่ ณ เวลานั้น Jiffy ยังไม่มีความพร้อม อย่างไรก็ตามในสัญญาระบุว่าสาขา 7-11 ที่เปิดใหม่จะต้องมีการดำเนินงานไปถึงอายุ 10 ปี นั่นหมายความว่าหาก PTT ไม่ต่อสัญญาในปี 2023 สาขาสุดท้ายของ 7-11 ที่จะต้องปิดจะเกิดขึ้นในปี 2033 ในปัจจุบันสาขา 7-11 ในปตท. คิดเป็น 13.9% ของสาขาทั้งหมด และคาดในปี 2023 จะคิดเป็น 12.4% (แต่ในเทอมของรายได้อาจจะคิดเป็นถึง 20% เนื่องจากยอดขายในปั๊มจะสูงกว่าสาขาอื่น)
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เลวร้ายที่สุดหาก PTT ไม่ต่อสัญญา คาดผลกระทบต่อ CPALL จำกัดจาก
1) จำนวนสาขาที่จะทยอยปิดแต่ละปีคิดเป็น 0.5-1.3%
2) คาด CPALL จะมีการเร่งเปิดสาขาในพื้นที่อื่นทดแทน
และ 3) ปั๊มน้ำมันในอนาคตอาจจะไม่ใช่แค่แหล่งเดียวสำหรับการเติมพลังงาน หลังจากรถยนตร์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
บล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมอง negative sentiment ต่อข่าวดังกล่าว เนื่องจากจำนวนร้าน 7-11 ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ปัจจุบันมีอยู่ที่ทั้งสิ้น 1,386 แห่ง คิดเป็นราว 14% ของจำนวนร้านสะดวกซื้อทั้งหมด ในขณะที่การขยายสาขา 7-11ในสถานีบนิการน้ำมัน ปตท. เฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 100 แห่ง ดังนั้น หาก ณ ปี 2565 CPALL ไม่ได้รับต่อสัญญาการบริหารสาขาในปั๊ม อาจกระทบต่อสัดส่วนรายได้รวมราว 15% ของยอดขายร้านสะดวกซื้อรวม ( ประมาณ 9-10% ของยอดขาย CPALL) ดังนั้น ประเมินว่าแนวคิดการยกเลิกสัญญาร้าน 7-11 จะยังไม่มีผลกระทบต่อตัวเลขประมาณการกำไรของ CPALL ช่วง 3-5 ปีข้างหน้าของโนมูระฯ อย่างมีนัยสำคัญ
พร้อมระบุว่า CPALL มีจุดเด่นการเป็นผู้นำในกลุ่มค้าปลีกที่มีสาขาที่แข็งแกร่งทั่วประเทศกว่า 10,000 แห่ง เป็นอันดับ 2 ของ 7-11โลก ประกอบกับประสิทธิภาพในการคุมต้นทุนการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากรายจ่ายการตลาดและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง ผลักดันกำไรจะโตดีกว่ารายได้และอัตราการเติบโตของกำไรกลุ่มพาณิชย์ จึงคงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 77 บาท
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารจากฝั่ง CPALL และ PTT ก็ออกโรงแถลงการณ์แล้วว่า ทั้ง 2 บริษัท ยังเป็นพันธมิตรต่อกัน มีความสัมพันธ์อย่างยาวนาน และจะร่วมมือทำธุรกิจต่อไป
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส CPALL ยืนยันว่า 7-11 จับมือ PTT เดินหน้าให้บริการประชาชนร่วมกัน เพราะ 7-11 ได้ร่วมมือทางธุรกิจกับ ปตท.มาอย่างเหนียวแน่นยาวนานตั้งแต่ปี 2545 รวมแล้วกว่า 15 ปี และในโอกาสที่ทั้งสององค์กรอยู่ระหว่าง การขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง ก็จะยังคงรักษาความเป็นพันธมิตรที่ดีเพื่อเดินหน้าให้บริการแก่ประชาชนทั่วประเทศไปพร้อมๆ กัน
เช่นเดียวกับ "สุชาติ ระมาศ" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก PTT ระบุว่า ปตท. ยืนยันเดินหน้าธุรกิจค้าปลีกในประเทศด้วยการจับมือกับร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เปิดให้บริการในสถานีบริการ ปตท. ปัจจุบันมีร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เปิดให้บริการในสถานีบริการ ปตท. แล้วกว่า 1,400 แห่งทั่วประเทศ และยังคงมีแผนงานที่จะร่วมกันขยายให้มีจำนวนรวมกว่า 1,700 แห่ง ในอีก 4-5 ปีนี้ ..................
สรุปแล้ว CPALL ยังทำธุรกิจร่วมกับ PTT ต่อไป ไม่ได้แยกออกจากกัน แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่นักวิเคราะห์ โยรคเกอร์ และนักลงทุนพร้อมใจกันซื้อ ลงมาต้องซื้อ ซื้อทุกราคา ตรงนี้เป็นจุดที่น่ากลัวมาก
มีคำกล่าวบอกไว้ว่า นักลงทุนอยากได้ผลตอบแทนที่ดีในหุ้นจะต้องจำไว้ 5 คำ คือ "Good Stocks at Good Price" นั้นหมายถึง นอกจากจะซื้อ"หุ้นที่ดี"แล้ว เราจำเป็นจะต้องซื้อหุ้นในราคาที่"ถูก"อีกด้วย .. CPALL คือคำตอบของบทสรุปคำว่า "หุ้นดี" ในราคาที่ "ถูก" หรือเปล่า มีแต่นักลงทุนเท่านั้นที่จะตอบได้ ...
----------------------------------
มองหุ้นเด่น โดย คนเล่นหุ้น