" ความคิดในกรอบ " เป็นความคิดเดิมๆที่เชื่อกันมาอย่างช้านานแล้วว่า " ถูกแล้วดีแล้ว " และไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้วและไม่มีความจําเป็นที่จะต้องไปเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น ในขณะเดียวกันกับ " ความคิดนอกกรอบ " เป็นความคิดที่แตกต่างแหวกแนวออกไปที่กล้าชี้นําความคิดของคนส่วนใหญ่แล้วประสบความสําเร็จในที่สุด และกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าในปัจจุบัน เช่น " Smart Phone " ที่ครองความยิ่งใหญ่ในโลกนี้ในปัจจุบัน เป็นต้น
ในแง่ของการลงทุนก็เหมือนกัน " การลงทุนแบบเน้นคุณค่า " และ " แบบเติบโต " ตามแบบฉบับของวอเร็น บัฟเฟตต์และดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นั้นเป็นความคิดในกรอบที่ประสบผลสําเร็จและสืบทอดกันมาอย่างยาวนานทั้งในและต่างประเทศ จนทําให้คนธรรมดาสามัญมีความคิดว่า " เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทําให้ประสบผลสําเร็จในการลงทุนได้ "
ผู้โพสต์จึงขอนําเสนอหลักการลงทุนแบบนอกกรอบตามแบบฉบับของจิม โรเจอร์ โดยเน้นไปที่การลงทุนใน " สิ่งที่ตัวเองมีความรู้ดี " " แบบมุ่งเน้น " และ " การคาดการณ์ " แล้วนํามาเป็นหลักการลงทุนของตัวเอง
และ ผู้โพสต์เห็นว่าความแตกต่างของความคิดในกรอบ และความคิดนอกกรอบเป็น ดังนี้ คือ :
1) ในแง่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ : ความคิดในกรอบ ( ไม่มีผลชี้นําต่อตลาดใดๆทั้งสิ้น ) : ความคิดนอกกรอบ ( มีผลชี้นําโดยตรงต่อตลาด )
2) ในแง่โน้ม Fed Fund Rate : ความคิดในกรอบ ( ไม่มีผลต่อตลาด ) : ความคิดนอกกรอบ ( มีผลต่อตลาด )
3) ในแง่ธุรกิจค้าปลีก : ความคิดในกรอบ : ( ดีที่สุด ) : ความคิดนอกกรอบ ( กําลังอยู่บนดอย )
4) ในแง่รับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย : ความคิดในกรอบ ( ทําเพื่อชาติ ) : ความคิดนอกกรอบ ( เป็นขาขึ้นรอบใหญ่ในช่วงปี พ.ศ 2561 - 2563 )
5) ในแง่ถ่านหิน : ความคิดในกรอบ ( ไม่ดีเพราะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ) : ความคิดนอกกรอบ ( เป็นขาขึ้นรอบใหญ่ถ้าเศรษฐกิจจีนเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ ซึ่งน่าจะอยู่ในช่วงปี พ.ศ 2565 - 2570 )
6) ในแง่เทศเวียตนาม : ความคิดในกรอบ ( ประเทศเวียตนามดีกว่าประเทศไทย ) : ความคิดนอกกรอบ ( ประเทศไทยดีกว่าประเทศเวียตนาม )
เพื่อเป็นการพิสูจน์ ผู้โพสต์จึงได้ทําการเปรียบเทียบผลตอบแทนของเป็นกองทุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์ ( RUANG-A-NUNT HEDGE FUND ) ซึ่งใช้หลักการลงทุนของจิม โรเจอร์ กับพอร์ตของ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ซึ่งใช้หลักการลงทุนของวอเรน บัฟเฟตต์ ปรากฏว่ากองทุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์ ( RUANG-A-NUNT HEDGE FUND ) ชนะพอร์ตของ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร +29.20% ในปี พ.ศ 2561 และคาดว่าจะชนะในอีก 2 ปีข้างหน้าคือปี พ.ศ 2562 และ 2563
การเปรียบเทียบแบบเดือนต่อเดือนจะใช้ตัวแทนคือ CPALL ( แทนพอร์ตของดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ) และ STEC ( แทนกองทุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์ ( RUANG-A-NUNT HEDGE FUND ) ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี พ.ศ 2562 จนถึงเดือนธันวาคม ปี พ.ศ 2563
นักลงทุนท่านใดสนใจ โปรดติดตามน่ะ คร๊าบ!