คิดเป็น เห็นก่อน

คิดเป็น เห็นก่อน - ตลาดหุ้นไทย
เนื้อหอม...ต่างชาติพากันรุมตอม

อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก https://www.thunhoon.com/stockfocus-18/

ตลาดหุ้นไทยเนื้อหอม...ต่างชาติพากันรุมตอม

แนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในรอบนี้ จนดัชนีพุ่งขึ้นเหนือ 1650 จุดอย่างรวดเร็วนั้น ปัจจัยสำคัญคงต้องให้น้ำหนักไปที่นักลงทุนต่างชาติ ที่กลับมาสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มมากขึ้น มากว่าตลาดอื่นๆในภูมิภาค โดยยังคงมีความเป็นไปได้สูง ที่ต่างชาติจะยังซื้อหุ้นไทยต่อไป เพียงแต่จะต้องติดตามประเด็นที่อาจจะส่งผลต่อทิศทางเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไว้ด้วย

เรื่องผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของสหรัฐฯ ในวันที่ 19-20 กย.นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า เฟด จะเริ่มแผนการลดขนาดงบดุลและคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.00-1.25% ต่อไป และมีแนวโน้มที่จะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปออกไปเป็นปีหน้าหลังผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฮาวีย์และเออมาร์ที่เข้าถล่มสหรัฐฯ ส่งผลทำให้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯเกิดการชะลอตัว ไม่เป็นไปตามที่คาดกันไว้ก่อนหน้า รวมถึงสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีที่ต้องติดตาม แม้ผ่านมานักลงทุนบ้านเราจะไม่ให้ความสนใจกันสักเท่าไหร่ก็ตาม

อารมณ์ของตลาดหุ้นไทยช่วงเวลานี้ คงมีแต่ความคึกคัก บ้างก็บอกรอบรรยากาศแบบนี้มาตั้งแต่ต้นปี บ้างก็ยินดีได้ลงจากดอยเสียที บ้างก็มีคำถามหุ้นก็พากันขึ้นทั้งตลาดแต่หุ้นในพอร์ตเราทำไมไม่ขึ้นไปกับเค้าด้วย ล้วนเป็นสิ่งที่มีการพูดถึงกันในช่วงนี้ หากลองย้อนกลับไปดูความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี จะเห็นอะไรๆชัดขึ้น นับแต่ต้นปีเป็นต้นมาถึงขณะนี้ ดัชนีตลาดรวมปรับขึ้นมา 4.96% ที่สำคัญจะเห็นได้ว่าการปรับขึ้นของดัชนีรอบนี้จะไปกระจุกอยู่ที่หุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap.) ที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเป็นหลัก ซึ่งก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าการปรับขึ้นของตลาดในรอบนี้มาจากเงินลงทุนต่างชาติเป็นหลัก

ดังนั้น หากเป็นดังที่ว่าจึงไม่แปลกถ้านักลงทุนที่ยินดีปรีดามีกำไรนั้นมีหุ้นขนาดใหญ่ถืออยู่ในพอร์ต และก็ไม่แปลกที่นักลงทุนที่มีหุ้นขนาดกลางเล็ก ดูจะไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไหร่นัก ยิ่งเป็นหุ้นที่เล่นเก็งกำไรอย่างเดียวไม่มีพื้นฐานรองรับยิ่งเหนื่อย ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วควรลงทุนในหุ้นกลุ่มไหนดี ตอบแบบแทบไม่ต้องคิดมากก็ต้องเป็นหุ้นใหญ่ที่ต่างชาติเล่นน่ะซิ แต่ก็ต้องพิจารณากันก่อนเข้าลงทุนด้วยเหมือนกันว่าเป็นหุ้นที่ราคาปรับขึ้นมาใกล้เต็มมูลค่าหรือยังมีส่วนต่างราคาที่ห่างจากมูลค่าที่แท้จริงอยู่หรือไม่ 

ส่วนที่กังวลว่าการขนเงินเข้ามาของต่างชาติรอบนี้จะอยู่นาน หรือจะกลับออกไปเร็วหรือไม่นั้น ก็ต้องดูปัจจัยประกอบที่ส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินลงทุน ทั้งนี้จากสิ่งที่เห็นกันอยู่ก็น่าจะไม่ต้องกังวลว่าจะกลับออกไปเร็ว เพราะหากเทียบกับอดีตที่ผ่านมาช่วงนี้ต่างชาติลงทุนหุ้นไทยในระดับที่น้อยมาก รวมถึงแนวโน้มการไหลออกของเงินกลับไปสหรัฐฯยังเป็นเรื่องที่น่าจะไม่เกิดได้ในขณะนี้ เงินทุนเหล่านั้นยังคงต้องการแสวงหาผลตอบแทนคืนกลับที่คุ้มค่า โดยเฉพาะกับตลาดหุ้นไทยที่ดูจะได้เปรียบตลาดหุ้นอื่นๆอยู่ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวขึ้นมาน้อย และราคาหุ้นที่บอกกันว่าแพงแต่ก็ยังถูกกว่าตลาดภูมิภาคที่เงินทุนมีการไหลเข้าไปก่อนบ้านเราจนทำให้หลายตลาดสามารถทำจุดสูงสุดใหม่กันไปแล้ว ตลาดหุ้นไทยเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

ส่วนตัวยังเชื่อว่าเม็ดเงินเหล่านี้ยังไม่น่าไหลกลับออกไป นอกเสียจากจะมีเหตุการณ์ผลิกผันเหนือคาด เช่น เฟด ยังเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีออกมาและเกิดผลเป็นรูปธรรม เรื่องคาบสมุทรเกาหลีบานปลายกลายเป็นสงคราม  รวมถึงการเลือกตั้งของเราจะไม่เกิดขึ้นหรือมีอุบัติเหตุ แทรกซ้อนทางการเมืองขึ้นมาอีก แต่ในขณะนี้ยังไม่เห็นความเป็นไปได้หรือน้ำหนักพอที่จะก่อให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวครับ

สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ต้องขอแสดงความยินดีกับหุ้นน้องใหม่ ลำดับที่ 17 และ 18 ของปีนี้ที่เข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  คือ PRM หรือ บมจ.พรีมา มารีน และ ICN หรือ บมจ. อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์ค ที่ต่างเปิดตัวกันได้สวยหรู แจกกำไรให้กับนักลงทุนที่ได้หุ้นจองกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะรายหลังถือเป็นตัวแรกในรอบปีที่ราคาหุ้นปิดได้เหนือจองกว่า 150% ยินดีด้วยจริงๆครับ

สรุปว่าตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มเดินหน้าไปต่อ แม้จะมีการแกว่งตัวปรับฐานได้ แต่จากปัจจัยหนุนของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยต่อไป อย่างไรก็ตามการลงทุนที่ดี ต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ วิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูล ปัจจัยกระทบต่างๆที่มี ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน ก็เชื่อได้ว่าไม่ว่าภาวะตลาดจะเป็นเช่นใด ดีหรือแย่ เราก็จะสามารถเอาตัวรอดและทำมาหากำไรจากตลาดหุ้นได้เสมอครับ