สรุปสัมมนาออนไลน์ “เซียนโค่นเซียน สู้หุ้นโควิด” จากทันหุ้น
By หุ้นพอร์ทระเบิด
Cr. Seminar knowledge by Amorn
----------------------------
เรียกได้ว่ากลับขึ้นมาแรงและเร็วเลยทีเดียวนะครับสำหรับตลาดหุ้นไทยหรือ SET ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ หลังจากที่เพิ่งจะปรับตัวกันไปกว่าร้อยจุดจากปัจจัยกดดันของ Covid-19
และก็เชื่อว่าสถานการณ์แบบนี้นั้นน่าจะทำให้เพื่อนๆนักลงทุนหลายท่านรู้สึกไม่เข้าใจหรือสับสนอยู่ไม่น้อย แต่ก็คงจะไม่เท่าช่วงแรกๆที่เกิดวิกฤตแล้วอย่างแน่นอน
ทำให้พวกเรา หุ้นพอร์ทระเบิด อยากจะนำเอาแง่คิดและมุมมองดีๆของเซียนหุ้นแถวหน้าของประเทศไทยอย่าง “เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง” และ “พี่มี่ ทิวา ชินธาดาพงศ์” มาฝากเพื่อนๆกันไว้เป็นแนวทางกันดีกว่าครับ
ว่าพวกเขาทั้งคู่จะมีความคิดเห็นอย่างไร ? มองภาพตอนนี้เป็นยังไง ?? รวมไปถึงได้คาดการณ์อนาคตของตลาดหุ้นไทยไว้แบบไหนกันบ้าง ??
และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปลุยกันเลยครับ
เสี่ยป๋องมองว่าตอนนี้ภาพของ SET ถือเป็นบวกหลังจากที่สามารถยืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 เดือนและดัชนีที่1,500 จุดได้ ซึ่งแน่นอนว่าทั่วโลกก็คงมีปัจจัยหลักเหมือนกันคือจำนวนของผู้ติดเชื้อ
อีกจุดสังเกตหนึ่งคือค่า MACD ระดับเดือนที่ผ่าน 0 มาแล้วซึ่งเป็นตัวบ่งบอกว่า SET ปรับตัวขึ้นมาพอสมควรดังนั้นการปรับฐานในรอบนี้จึงอาจจะดูเร็ว & แรง
นอกจากนี้ยังมีเรื่องดีๆคือตัวเลขข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนของคนไทยที่ล่าสุดฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 30 ล้านโดสทำให้รวมๆแล้วเสี่ยป๋องมองภาพเป็นบวก
ภาพการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยในตอนนี้จะมีแพทเทิร์นคล้ายๆกับตอนหลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ช่วงปลายปี2009 ถึงต้นปี 2010 ที่เป็นการแกว่งตัวขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับผลงานของรัฐบาลว่าจะจัดการบริหารได้ดีขนาดไหน
เหตุผลที่ทำให้การปรับตัวรอบนี้ดูหนักคือปัญหาของจำนวนผู้ติดเชื้อที่มาก่อนจำนวนวัคซีน แต่สุดท้ายความเชื่อมั่นก็สามารถกลับมาอย่างรวดเร็วได้จากจำนวนวัคซีนที่กำลังเข้ามา
สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่เข้า เสี่ยป๋องแนะนำให้รอจังหวะพักฐานและติดตามข่าวสารไปก่อน เพราะตอนนี้เกิดDivergent ขึ้นที่ MACD ในไทม์เฟรมเดือนและยังมีการเปิด Gap ไว้ที่ 1,550 จุดด้วย จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการทำกำไรระหว่างทาง
ส่วนตัวเสี่ยป๋องเข้าลงทุนเพิ่มตอน SET ผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน และ MACD ผ่าน 0 ขึ้นมา ได้หรือที่ดัชนีราวๆ1,500 - 1,550 จุดสำหรับรอบนี้
เสี่ยป๋องยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในขา 3 ของ Grand supercycle ซึ่งเขาเคยพูดไปแล้วเมื่อปี 2018 ว่าจะต้องเกิดการปรับฐานใหญ่ โดยมีจุดหนีระยะสั้นอยู่ที่เส้น Exponential 50 วันหรือ 1,563 จุด และจุดหนีสำคัญคือเส้นExpo 75 วันหรือ 1,476 จุด
สิ่งที่เขากังวลคือการอ่อนค่าของเงินบาทเพราะปกติแล้วภาพของตลาดหุ้นกับค่าเงินบาทจะสวนทางกัน เรื่องการเมือง สถานการณ์ของโควิด และเรื่องการเก็บภาษีสำหรับการขายหุ้นซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด
== มุมมองของพี่มี่ “ทิวา ชินธาดาพงศ์” ==
ส่วนตัวเขามองว่าภาพรวมตลาดกำลังเป็นบวกเช่นเดียวกันกับเสี่ยป๋อง เพราะมาถึงตอนนี้ผู้คนรู้แล้วว่าต้องรับมืออย่างไรและวัคซีนคือทางรอด ทำให้วันนี้เขาจะลองเสนอประเด็นเกี่ยวกับความเสี่ยงบ้าง
พี่มี่มองว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทยในขณะนี้ยังไม่ถือว่าเป็นขาลงเพราะยังดูเหมือนจะทรงๆตัวอยู่ แต่ข่าวดีก็คือจำนวนวัคซีนของไทยที่กำลังเข้ามาเพิ่มและรวมไปถึง Pfizer ซึ่งเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดีด้วยนั่นเอง
หากย้อนกลับไปปีก่อนจะพบว่าช่วงครึ่งปีแรกบริษัทจดทะเบียนมีฐานกำไรที่ต่ำแต่เริ่มมาฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง พี่มี่จึงคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้คงจะคาดหวังให้ EPS ของบริษัทจดทะเบียนและ GDP ของประเทศไทยดูดีนั้นอาจจะเป็นไปได้ยาก
เรื่องที่พี่มี่ฝากให้ไปจับตามองก็คือปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้า และมาตรการอัดฉีดต่างๆโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่จะสิ้นสุดลงปลายเดือนกันยายน
เขาเชื่อว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดีในการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยและยังหวังให้ตลาดมองข้ามภาพลบระยะสั้นในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ส่วนเรื่องความถูกแพงตอนนี้ก็ถือว่าอยู่ระดับกลางๆหากดูง่ายๆจากค่าเฉลี่ย Earning Yield Gap ในรอบสิบปี
ปัจจุบันพี่มี่ยังมีหุ้นไทยอยู่ในพอร์ทการลงทุนราวๆ 50% ด้วยการลงทุนแบบ Selective play เป็นรายๆตัวเช่นตัวที่กำไรยังโต, ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด หรือตัวที่คิดว่าปีหน้ามี Pent Up Demand แรง
ปัจจัยน่าติดตามที่พี่มี่แนะนำคือเรื่องสายพันธุ์ใหม่ของโควิด เรื่อง Fund Flow ของชาวต่างชาติ และเรื่องการเมือง โดยรวมๆแล้วมองบวกเชื่อว่าปีพ.ศ. 2565 และ 2566 จะเป็นปีที่ดี
สำหรับหุ้นไทยพี่มี่มองไปที่กลุ่มหุ้นธีมเมืองที่จะกลับมาดีกว่าเดิมหลังการเปิดเมืองเช่นหุ้นโรงแรม หุ้นร้านอาหารที่ลดต้นทุนได้เยอะ หรือหุ้นที่มีจุดเด่นที่ช่วยหนุนให้ฟื้นตัวได้กลับมาแรงที่สุด
เขาเชื่อว่าในปีหน้าหุ้นที่แข็งแกร่งต้องกลับมามีรายได้เท่ากับหรือใกล้เคียงกับปี 2019 และจะยิ่งดีขึ้นเมื่อกลับมาแบบมีโครงสร้างต้นทุนที่ลดลง โดยมีสิ่งที่ต้องระวังคือกลุ่มหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมาไกลมากแล้ว
ขอขอบคุณคลิปการสัมมนาออนไลน์ “เซียนโค่นเซียน สู้หุ้นโควิด” จากทันหุ้น มา ณ ที่นี่ด้วยนะครับ
สวัสดีครับ