KS Daily View >> โควิดในประเทศยังวิกฤติ คาดรัฐบาลออกมาตรการเข้มคุมโควิด 14 วัน กทม.และปริมณฑล กดดันภาพรวมตลาดหุ้น หุ้นกลุ่มส่งออก,กลุ่มโรงพยาบาลและกลุ่ม AMC คาดว่าจะได้รับผลกระทบจำกัด
โควิดในประเทศยังวิกฤติ
รอสรุปมาตรการวันนี้ คาดรัฐบาลออกมาตรการเข้มคุมโควิด 14 วัน กทม.และปริมณฑล ด้วยสถาณการณ์การแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศเร่งตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ ประกอบกับการจัดหาและการฉีดวัคซีนที่ล่าช้ากว่าแผน ส่งผลให้รัฐบาลต้องออกมาตรการเข้ม 14 วันในกทม.และปริมณฑล เบื้องต้นคาดว่าข้อกำหนดใหม่ที่จะออกมานี้ จะมีผลเฉพาะสำหรับพื้นที่เสี่ยง 6 จังหวัดประกอบด้วย กรุงเทพฯ, นครปฐม,นนทบุรี ,ปทุมธานี ,สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน คือจำกัดการเดินทางออกจากบ้าน และไปในสถานที่เสี่ยง เพื่อลดการเคลื่อนที่ของประชาชน และขอให้เวิร์คฟอร์มโฮม 100 เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นงานบริการที่จำเป็นและงานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภคขอให้ประชาชนงดการเดินทางโดยไม่จำเป็น ยกเว้น ซื้ออาหาร ไปโรงพยาบาล และ ฉีดวัคซีน สำหรับห้างสรรพสินค้าจะอนุญาตให้เปิดได้เฉพาะส่วนซุปเปอร์มาร์เก็ต แผนกขายยา แผนกอาหาร แผนกสินค้าเบ็ดเตล็ดเช่นเดิม ร้านสะดวกซื้อจะมีกำหนดเวลาเปิด -ปิด พร้อมขอความร่วมมือ ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 6 จังหวัด ไม่ออกนอกเคหสถานตามเวลาที่กำหนด คือตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. เว้นแต่มีความจำเป็น แต่จะไม่ประกาศเป็นเคอร์ฟิว ทั้งนี้มาตรการทั้งหมดจะให้ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาในวันที่ 9 ก.ค. เพื่อเป็นมติออกมา แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ทันที โดยจะให้เวลาเพื่อการเตรียมตัว
ผลกระทบและกลยุทธ์การลงทุน
จากมาตรการที่เข้มขึ้นคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและมีความเสี่ยงที่ GDP จะมีการปรับลงอีกครั้ง ตลาดหุ้นไทยภาพรวมจะถูกกดดันโดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม domestic ซึ่งก่อนหน้าปรับตัวขึ้นมาจากความคาดหวังการเปิดเมือง อาจต้องเลื่อนออกไปเป็นปลายปีหรือต้นปีหน้า รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารที่อาจต้องตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทคาดว่าจะมีแนวโน้มอ่อนค่าในช่วงสั้นนี้ จากทั้งปัจจัยต่างประเทศที่ Fed จะเริ่ม Tapering ครึ่งปีหลังและปัจจัยกดดันในประเทศจาก สถาณการณ์โควิดที่แย่ลง จะช่วยสนับสนุนกำไรของหุ้นกลุ่มส่งออก ทั้งนี้ KSEC ประเมิน sensitivity หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 1 บาทเทียบดอลลาร์จะกระทบกับกำไรของหุ้นกลุ่มส่งออกดังนี้ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA +7%,HANA +10%, KCE +15%, SVI +24%) กลุ่มเกษตรและอาหาร (TU +8%, STGT +6%, STA +6%,ASIAN +15%, GFPT +1.5%) อีกกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากสถาณการณ์โควิดที่แย่ลงคือกลุ่มโรงพยาบาลโดยเฉพาะโรงพยาบาลประกันสังคมที่ได้ประโยชน์จากการตรวจเชื้อเช่น BCH นอกจากนี้ในกลุ่ม AMC อาจมีโอกาสซื้อหนี้เสียเพิ่มจากกลุ่มธนาคาร
มุมมองตลาดหุ้น/ กลยุทธ์การลงทุน วันนี้คาด SET แกว่ง 1520+/- หุ้นแนะนำ MEGA, TU
หุ้นแนะนำ
MEGA (พื้นฐาน 42.50 บาท) คาดว่าบริษัทจะได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายการใช้กัญชงและกระท่อมในประเทศ โดยเราคาดว่ากำไรสุทธิของ MEGA จะฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดใน 1Q21 สนับสนุนจากความต้องการฟื้นตัวในประเทศเมียนมาร์ (40% ของยอดขาย) และแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบดอลลาร์ช่วยสนับสนุนกำไรจากรายได้ต่างประเทศ (80% ของยอดขาย) TU (พื้นฐาน 23.50 บาท) คาดหวังกำไร 2Q21 เติบโตได้ทั้ง +12% QoQ และ +18% YoY เราปรับคาดการณ์กำไรปี 2021-23 เพิ่มขึ้น 16-18% สะท้อนค่าเงินบาทอ่อนค่าและกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น