ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร แสดงความเห็นลงในบทความ "หุ้นตก" เอาไว้ว่า ด้วยค่า PE ของหุ้นไทยประมาณ 17-18 เท่า ถือว่าหุ้นไทยไม่ถูกแล้ว ที่ผ่านมาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอยู่ในเกณฑ์ "ดีพอใช้" และอนาคตอันใกล้ก็ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่อย่าลืมว่าหุ้นใหญ่ของไทยนั้นเป็นผู้ผลิตหรือผู้บริการในโลก "ยุคเก่า" ที่มีความเสี่ยงจะถูก Disrupt หรือถูกลดความสามารถในการแข่งขันลงได้ในระยะยาว
อย่าไรก็ตาม ในมุมมองของนักลงทุนแล้ว เหตุการณ์แพนิคจะก่อให้เกิด "โอกาส" ที่ดีในการซื้อหุ้น แต่ถ้านักลงทุนกู้เงินมาซื้อหุ้นจะมีความเสี่ยง "เจ๊ง" มากกว่า
นายวิชัย วชิรพงศ์ หรือ "เสี่ยยักษ์" กล่าวว่า สภาพตลาดหุ้นขณะนี้ยากแก่การคาดเดา หุ้นลงแล้วก็ลงได้อีก ดังนั้นเลือกที่จะอยู่ "เฉยๆ" ดีกว่า นั่งนิ่งๆจะเป็นการดีที่สุด
นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ "เสี่ยป๋อง" กล่าวว่า ปีนี้ถือว่าขาดทุนหนักสุดในรอบ 13 ปี ไม่แน่ใจว่าหุ้นไทยตกลงมาถึงจุดต่ำสุดหรือยัง แต่ถ้า SET จะปรับตัวลงรอบใหญ่จริงๆก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แนะนักลงทุนรุ่นใหม่มองหาหุ้นพื้นฐานดี มองข้ามการเก็งกำไร และลงทุนระยะยาวจะดีกว่า
ในฝั่งของรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวถึงตลาดหุ้นไทยไว้ว่า เศรษฐกิจโลกไม่ดีแต่สำหรับประเทศไทยแล้วยังแข็งแรง ถึงแม้ว่าหุ้นไทยจะร่วงในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเป็นเพราะราคาน้ำมันโลกที่มีความผันผวน ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานลงมาด้วย เน้นย้ำว่าหุ้นไทยเป็น Save Heaven
นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี คาดว่าหุ้นไทยมีโอกาสร่งลงต่ำกว่า 1600 จุด ปัจจัยลบรอบด้านวิตกสงครามการค้าและดอกเบี้ยขาขึ้น กระทบผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน แนะกลยุทธ์การลงทุน เล่นเลือกรายตัว ได้แก่ CENTEL, MINT และ ERW กลุ่มรับเหมา-นิคม ได้แก่ STEC, SEAFCO AMATA กลุ่ม defensive stock เช่น กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH, CHG) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, CKP, EA)
บล.ทรีนิตี้ แนะนำว่าเวลานี้ไม่ใช่จังหวะเวลาของการขายหุ้นแล้ว ขณะที่ในแง่ของนักลงทุนทั่วไป มองว่า ณ ปัจจุบันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว รวมไปถึงผู้ที่ต้องการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี (LTF/RMF) ต่างๆ
ในแง่ของนักลงทุนสถาบัน มองว่าที่ระดับดัชนีแถว 1,600 จุด ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเปิดขายกองทุนประเภท Trigger fund โดยสามารถคาดหวังผลตอบแทนการลงทุนราว 5-10% ดัชนี 1,680-1,760 จุด ได้ในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า
บล.กสิกรไทย ประเมินว่า SET Index ในรอบนี้จะอยู่ที่ 1,590 จุด หรือแย่ที่สุดไม่น่าจะทำ New Low ในรอบปีต่ำกว่า 1,580 จุด
"ระดับ 1,590 จุดนอกจากจะคิดเป็น Forward PER ปี 2561 ที่ 14.4 เท่า และปี 2562 ที่ 13.7 เท่าซึ่งเป็นระดับที่เหมาะแก่การลงทุนระยะยาวแล้ว 1,590 จุดยังคิดเป็นระดับ Earning Yield Gap ที่ 5% อันเป็นระดับที่มักจะทำให้ SET Index เกิดการฟื้นตัวได้เกือบทุกครั้ง" บล.กสิกรไทย ระบุ
== สรุป ==
หุ้นลงรอบนี้มีความเห็นที่หลากหลาย ถ้าเป็นนักลงทุน VI จะมองว่าหุ้นลงรอบนี้อาจจะเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นดีราคาไม่แพง แต่ต้องไม่ลืมว่าตลาดหุ้นไทยนั้นไม่ได้ถูก ด้วยค่า PE ประมาณ 18 เท่า สำหรับนักเก็งกำไรที่ใช้กราฟมองว่าช่วงนี้หุ้นไทยผันผวนหนักเล่นยาก การเข้ามาของโรบอทเทรด ระบบเทรดใหม่ๆของคนรุ่นใหม่นั้น คนใช้กราฟจะใช้ระบบเดิมๆไม่ได้แล้ว แนะนำให้อยู่เฉยๆรอดูสภาพคลาดไว้จะดีกว่า
ในมุมมองของโบรคเกอร์ วิเคราะห์ไปในทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยง แต่เป็นจังหวะที่ดีในการซื้อ LTF/RMF
ขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง
https://www.hoonsmart.com/archives/31037
https://www.hoonsmart.com/archives/30861
http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645748
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/816612
https://www.moneychannel.co.th/news_detail/24065/เลวร้ายสุด-SET-จะลงลึกแค่ไหน-หลังวูบหลุด-1600-จุด