ห้องเม่าปีกเหล็ก

Liquidity Concepts: Demand & Supply – อ่านอย่างไรในกราฟหุ้น?

โดย poomai
เผยแพร่ :
43 views

Liquidity Concepts:

Demand & Supply – อ่านอย่างไรในกราฟหุ้น?

หนึ่งในศาสตร์ที่นักเทรดควรรู้ คือการมองหา Demand Zone (โซนซื้อ) และ Supply Zone (โซนขาย) เพราะมันคือรอยเท้าของรายใหญ่ (สถาบัน–กองทุน–เจ้า) ที่เข้ามาสร้างแรงซื้อแรงขาย

ถ้าเราอ่านออก เราจะรู้ทันว่า “หุ้นกำลังจะถูกเก็บ” หรือ “หุ้นกำลังจะถูกปล่อย”

..

 

Demand Zone – พื้นที่ของแรงซื้อ

ลักษณะบนกราฟ

• ราคา “ร่วงแรง” แต่แล้ว “ดีดกลับ” อย่างรวดเร็ว (V-shape หรือ U-shape)

• มักเกิดแท่งเขียวใหญ่ ๆ หลายแท่งติด หลังจากมีแท่งแดงแรง ๆ

วิธีอ่าน

 

ตรงนี้แปลว่า มีคน “ยอมรับของ” ปริมาณมากในช่วงราคานั้น → เกิดเป็น “ฐาน” ที่ทำให้ราคามีโอกาสดีดขึ้นอีกครั้ง

กลยุทธ์

• ถ้าราคากลับลงมาแตะโซนเดิม แล้วไม่หลุด → เป็นโอกาสเข้าซื้อ

• Demand Zone ที่ทดสอบหลายรอบแล้วไม่หลุด ยิ่งแข็งแรง

..

Supply Zone – พื้นที่ของแรงขาย

ลักษณะบนกราฟ

• ราคา “พุ่งแรง” แต่ถูกทุบลงทันที

• มักเห็นแท่งแดงใหญ่ ๆ เกิดหลังจากมีแท่งเขียวแรง ๆ

วิธีอ่าน

 

ตรงนี้คือโซนที่รายใหญ่ “ปล่อยของ” ออกมา → ทำให้ราคาสูงขึ้นไปไม่ไหวและต้องร่วงลง

กลยุทธ์

• ถ้าราคายกตัวขึ้นมาเจอโซนนี้ แล้วไม่ผ่าน → เป็นสัญญาณขายหรือ Short

• Supply Zone ที่ถูกแตะแล้วราคายกไม่ขึ้นหลายครั้ง → เป็นแนวต้านแข็งแรง

..

Demand & Supply ทำไมถึงสำคัญ?

1. เป็นรอยเท้าของรายใหญ่ → ราคามีโอกาสกลับตัวแรง ๆ

2. ใช้เป็น แนวรับ–แนวต้านที่มีเหตุผล มากกว่าเส้นวาดสุ่ม

3. ช่วยกำหนดจุดเข้า–ออกที่มีความเสี่ยงต่ำ และ Reward สูง

..

สรุป

• Demand Zone = พื้นที่ที่มีแรงซื้อหนุน ราคามักดีดขึ้น

• Supply Zone = พื้นที่ที่มีแรงขายหนาแน่น ราคามักถูกกดลง

• การอ่านออกทำให้เรารู้ว่า “ตลาดกำลังเก็บของ” หรือ “ตลาดกำลังทิ้งของ”

...

Supply Creation

 

ราคาเด้งขึ้น แล้วกลับตัวลง

• ตรงนี้คือโซนที่ “แรงขาย” เข้ามาเยอะ จนราคาสู้แรงไม่ไหว → เกิด Supply Zone

• มักเห็นเป็นแท่งเขียวขึ้นไปก่อน แล้วเจอแท่งแดงทุบลงแรง

ความหมาย → เป็นสัญญาณว่า ผู้ขายพร้อมใส่ของเพิ่ม ถ้าราคากลับขึ้นมาแตะโซนนี้อีก มีโอกาสร่วงต่อ

...

Demand Creation

 

ราคาเด้งลง แล้วกลับตัวขึ้น

• คือจุดที่ “แรงซื้อ” เข้ามารับของหนัก → เกิด Demand Zone

• มักเห็นแท่งแดงลงมาก่อน แล้วตามด้วยแท่งเขียวดีดแรง

ความหมาย → แปลว่าตลาดมองว่าราคานี้ “ถูกเกินไป” รายใหญ่เข้ามาเก็บของ ถ้าราคาลงมาแตะอีกครั้ง โอกาสดีดสูง

...

Supply Continuation

 

ราคา Break ลงทำ New Low แล้วรีเทสต์

• หลังจากราคาทำ Low ใหม่ จะมีการเด้งขึ้นเล็กน้อยเพื่อ “ทดสอบโซนเดิม”

• โซนนั้นจะกลายเป็น Supply ต่อเนื่อง → ทำหน้าที่เป็นแนวต้านอัตโนมัติ

ความหมาย → มักเป็นสัญญาณเริ่มลงรอบใหม่ เพราะ Demand ถูกดูดซับหมดแล้ว

...

สรุป

• Supply Creation = จุดเริ่มแรงขาย

• Demand Creation = จุดเริ่มแรงซื้อ

• Supply Continuation = การยืนยันว่าลงต่อ

...

Bearish Gap

เวลาราคาทิ้งตัวลงแรง ๆ มักจะเกิด “ช่องว่าง” ระหว่างแท่ง (Candlestick) → นี่คือสัญญาณว่าแรงขายเข้ามาแบบรุนแรงจนไม่มีใครกล้ารับของในจังหวะนั้น

 

Bearish Gap มักตามมาด้วยการปรับฐานต่อ เพราะสะท้อนความกลัว (Fear) ในตลาด

...

Structure Retest

ราคาทะลุแนวรับ–แนวต้านไปแล้ว ถ้า “วกกลับมารีเทสต์” โซนเดิม และ ยืนได้ → นี่คือการยืนยันว่า Breakout นั้น “ของจริง” ไม่ใช่หลอก

 

ถ้ารีเทสต์ไม่ผ่าน → ตลาดอาจกลับตัวทันที

...

Bullish Gap

ตรงข้ามกับ Bearish Gap → ถ้าราคาพุ่งแรงจนเกิดช่องว่างด้านล่าง แปลว่ามีแรงซื้อหนักมาก

 

นักลงทุนมักมองว่าเป็นสัญญาณ Bullish Momentum และถ้ากราฟไม่รีบลงมาปิด Gap → มักไปต่อ

...

Bullish Liquidity Run

นี่คือ กับดัก ที่เจอประจำ

 

• ราคา “แทงลงแรง” หลอกให้คนคิดว่าจะหลุดแนวรับ

• กิน Stop Loss ที่ซ่อนอยู่ด้านล่าง

• ก่อนจะเด้งขึ้นแรง → เกิดการ “กลับตัวแบบโหด”

...

Bearish Liquidity Run

ในฝั่งกลับกัน

• ราคาพุ่งแรง หลอกให้คน Buy ตาม

• ไปกิน Stop Loss ที่ซ่อนอยู่ด้านบน

• จากนั้นร่วงแรง → ทิ้งคนที่โดนหลอกไว้ข้างหลัง

 

ทั้งสองแบบนี้คือการ “ล้วงสภาพคล่อง” เพื่อให้รายใหญ่เข้ามาเก็บ/ปล่อยของได้ง่ายขึ้น

...

Gap Filled

กฎเหล็กของตลาด: Gap มักจะถูกปิด ไม่ว่าเร็วหรือช้า

เพราะช่องว่างของราคา = จุดที่ตลาด “เสียสมดุล”

เมื่อเวลาผ่านไป ราคามักจะย้อนกลับมาเติมเต็ม ทำให้สมดุลกลับคืน

 

สรุป

• Gap = เครื่องบอกโมเมนตัม (Bullish / Bearish)

• Structure Retest = เครื่องยืนยันการ Breakout

• Liquidity Run = กลยุทธ์หลอก Stop Loss ก่อนจะไปทางจริง

• Gap Filled = ตลาดกลับเข้าสู่สมดุล

 

สรุป:

คอนเซ็ปต์พวกนี้ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรม “กินสภาพคล่อง” ของตลาด ว่าทำไมราคามักหลอกขึ้น/ลงก่อนจะวิ่งจริง เหมาะสำหรับใช้วิเคราะห์ร่วมกับโซน Demand-Supply, แนวรับ-แนวต้าน และ Volume Profile

 

 

 

เนื้อหาที่มาจาก. หุ้นพอร์ทระเบิด


poomai