ห้องเม่าปีกเหล็ก

กำไรกลุ่มโรงพยาบาลติดลบ โบรกเชียร์เก็บหุ้นถูก

โดย dave
เผยแพร่ :
69 views

พิษโควิดฉุดกำไรกลุ่มโรงพยาบาลติดลบ โบรกเชียร์เก็บหุ้นถูก

กระแสยกเลิกบัตรทองกดดัชนีหุ้นโรงพยาบาล โบรกฯยันไม่กระทบผลประกอบการกิจการในตลาดหุ้น ส่องกำไรกลุ่มปี”63 รายใหญ่ “BDMS-BH” ยังอ่วมพิษโควิด-19 รายได้หดตัวจากการปิดประเทศ-ผู้ป่วยต่างชาติหาย “บล.เอเซีย พลัส” ประเมินกำไรกลุ่มทั้งปีติดลบ 38% แนะซื้อหุ้นโรงพยาบาลประกันสังคมทดแทน ด้าน “บล.ฟินันเซียฯ” ชี้ประเด็นสำนักงานประกันสังคมลดเงินสมทบไม่กระทบค่าหัวเหมาจ่าย เชียร์ซื้อ “BCH-CHG”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประกาศยกเลิกบัตรทองคลินิกเพิ่มเติม 108 แห่ง มีผลให้หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับลดลง 107.76 จุด หรือลดลง 2.44% ในวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (1 ก.ย.-30 ก.ย.) พบว่าราคาหุ้นในกลุ่มปรับลดลง 5.69% ส่วนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 23.27%

นายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ภาพรวมหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในปีนี้คาดว่าผลประกอบการจะหดตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่พึ่งพิงกับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ ได้แก่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) และ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ซึ่งแม้ว่ากลุ่มดังกล่าวจะมีโอกาสเห็นกำไรไตรมาส 3 ที่คาดว่าจะปรับขึ้นจากไตรมาส 2 ที่มีการล็อกดาวน์ประเทศ แต่เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน คาดว่ากำไรสุทธิจะยังติดลบ

ขณะที่โรงพยาบาลที่พึ่งพิงกับกลุ่มลูกค้าประกันสังคม ได้แก่ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) บมจ.โรงพยาบาลราชธานี (RJH) และ บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 เช่นกัน เนื่องจากมีรายได้ต่อหัวจากผู้ป่วยประกันสังคมที่ค่อนข้างแน่นอน และคาดว่ารายได้จากผู้ป่วยเงินสดจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาเช่นกัน หลังจากที่ไตรมาส 2 ได้รับแรงกดดันทั้งจากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด-19ที่ทำให้ลูกค้าเลี่ยงเข้ามาใช้บริการ

“สรุปคือโรงพยาบาลที่อิงกับผู้ป่วยต่างชาติกำไรจะลดลงค่อนข้างเยอะ แต่กลุ่มโรงพยาบาลที่อิงกับผู้ป่วยประกันสังคมยังพอเติบโตได้ โดยเราคาดว่ากำไรของโรงพยาบาลในกลุ่มประกันสังคมจะเติบโตประมาณ 5-10% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่กำไรทั้งกลุ่มจะลดลงประมาณ 38% เนื่องจากรายได้หลักของกลุ่มมาจาก BDMS ที่ยังได้รับผลกระทบจากผู้ป่วยต่างชาติที่หายไป”

ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส คาดการณ์กำไรสุทธิของกลุ่มโรงพยาบาลปีนี้ที่ 10,261 ล้านบาท ลดลง 53% เมื่อเทียบกับกำไรกลุ่มในปี 2562 ที่ 21,901 ล้านบาท เนื่องจากมีการบันทึกกำไรพิเศษของ BDMS แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าวกำไรสุทธิของกลุ่มโรงพยาบาลจะลดลง 38% จากกำไรปีก่อนที่ 16,550 ล้านบาท

นายสุวัฒน์กล่าวด้วยว่า กลยุทธ์การลงทุนนั้นฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อหุ้นโรงพยาบาลที่มีรายได้อิงกับประกันสังคมทุกราย ขณะที่โรงพยาบาลที่มีรายได้หลักจากผู้ป่วยต่างชาติยังลงทุนได้เช่นกันแต่เป็นการซื้อลงทุนระยะยาว 2-3 ปีหรือจนกว่ารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจะกลับมาสู่ระดับเดิม

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เนื่องจากได้แรงหนุนจากจำนวนผู้ป่วยในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่ากำไรสุทธิของปี 2563 จะหดตัวลงจากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่หายไป

โดย บล.ฟินันเซียฯยังแนะนำการลงทุนในหุ้นโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนรายได้จากประกันสังคมเป็นหลัก ได้แก่ BCH และ CHG เนื่องจากกำไรมีโอกาสเติบโตทั้ง QOQ และ YOY รวมถึงราคาหุ้นระดับปัจจุบันมูลค่า (valuation) ค่อนข้างถูก

สำหรับประเด็นการปรับลดเงินนำส่งประกันสังคมนั้น นายวีระวัฒน์กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อโรงพยาบาลประกันสังคม เนื่องจากโรงพยาบาลยังได้รับเงินเหมาจ่ายรายหัวที่ 1,500 บาท/คนเช่นเดิม ส่วนปัจจัยลบเชิงจิตวิทยาที่ สปสช.ประกาศยกเลิกบัตรทองคลินิกอีก 108 แห่ง ก็เป็นเพียงแรงขายเพราะความตื่นตระหนก เพราะผลประกอบการของโรงพยาบาลในตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่มีผู้ประกอบการรายใดรับผู้ป่วยที่ใช้สิทธิบัตรทอง

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


dave