การลงทุนในมิติของสุขภาพ
ถามว่าทำไมต้องลงทุน? ก็ตอบได้เหมือนทำไมต้องออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพ การไม่ลงทุนอะไรเลยคือความเสี่ยงที่แน่นอนในระยะยาว การไม่ออกกำลังกายเลยและไม่สนใจดูแลร่างกายเลย คือความเสี่ยงฉันนั้น
เวลาเราจะซื้อหุ้นสักตัวเราต้องทำอะไรบ้าง? เปิดบัญชีกับโบรคเกอร์ หาความรู้เกี่ยวกับการเล่นหุ้นจะด้วยสัมมนาหรืออ่านเองจากหนังสือก็แล้วแต่ จากนั้นก็เริ่ม ตีวงแคบขึ้นว่าจะซื้อหุ้นตัวไหน ต้องเก็บข้อมูลพื้นฐานและข้อมูลราคาขึ้นลงของหุ้นตัวนั้นมาวิเคราะห์ วางแผนว่าจะใช้เงินเท่าไหร่ที่จะซื้อ จากนั้นสั่งซื้อ โอนเงิน
การลงทุนในสุขภาพ อาจเริ่มจาก ไปตรวจสุขภาพเก็บข้อมูลตัวเองไว้ จากนั้นต้องวิเคราะห์ตัวเองว่า ว่าจะออกกำลังแบบไหนที่เหมาะกับตัวเอง เหมาะสมหมายถึง สภาพร่างกายปัจจุบัน เหมาะเล่นอะไร ถ้าน้ำหนักเยอะ คงต้องออกกำลังแบบแรงกระแทกต่ำเช่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน
การลงทุนในหุ้นมีเทคนิค DCA (Dollar Cost Average) ออกกำลังก็เอามาใช้ได้ หลักการคือใช้ความสม่ำเสมอ ด้วยจำนวนที่คงที่เข้าสู้ ฝนจะตกแดดจะออก วันนี้อารมณ์ไม่ดี ยังไงก็ต้องออกไปวิ่งสัก 20-30นาทีก็ยังดี
การลงทุนมีเล่นสั้น(short term) เล่นยาว ออกกำลังก็เลียนแบบได้ วันคู่วิ่งช้าแต่ให้นานที่สุด วันคี่ วิ่งเร็ว แต่ไม่ต้องนาน
หรือ วิ่งเร็วครึ่งสนาม วิ่งช้าครึ่งสนาม
การลงทุนมีกระจายความเสี่ยง เทคนิคนี้ทำให้เราไม่จำเป็นต้องยึดติด กับการออกกำลังประเภทเดียว อาจจะกำหนดไว้เลย จันทร์-วิ่ง อังคาร-ว่ายน้ำ พุธ-ขี่จักรยาน พฤหัส-เข้าฟิตเนสยกน้ำหนัก ศุกร์-ตีเทนนิส เสาร์-โยคะ อาทิตย์-หยุด
การลงทุนต้องหาความรู้เพิ่มเติม เข้าคอร์สสัมมนา ออกกำลังก็ทำได้ จ้างโค๊ชมาแก้ไขวงสวิงเทนนิส กอล์ฟ หรือแม้แต่ว่ายน้ำ
จริงๆถ้ามองลึกๆลงไปสองอย่างนี้คล้ายกัน การลงทุนคือการให้เงินทำงานแบบมีประสิทธิภาพ การดูแลสุขภาพก็คล้ายๆกันคือ การทำให้ร่างกายทำงานได้แบบมีประสิทธิภาพ
หญิงแม้น