ห้องเม่าปีกเหล็ก

คิดเป็น เห็นก่อน

โดย ชัจจ์ปัณฑ์
เผยแพร่ :
68 views

เหตุผลและอารมณ์ ล้วนส่งผลต่อราคาหุ้น

สำหรับตลาดหุ้นไทยยังได้แรงหนุนจากการเข้ามาซื้อของกองทุนในประเทศ โดยเฉพาะกองทุน LTF และ RMF ช่วยประคับประคอง ตลาดให้สามารถยืนเหนือ 1,700 จุดได้แข็งแกร่ง ซึ่งนับตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. กองทุนเข้าซื้อหุ้นสุทธิโดดเด่นราว 16,000 ล้านบาท หากนับแต่ต้นปีกองทุนซื้อหุ้นสะสมสุทธิแล้ว 90,000 ล้านบาท ทำให้ดัชนีจะปรับตัวลงแรงได้ค่อนข้างยาก นอกจากนี้นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุนลงแล้วทั้งการซื้อและการขายหุ้นออกมา ก็อาจเป็นจังหวะที่ดีของกองทุนในประเทศที่จะทำเกมส์ดันราคาหุ้นขึ้นสูงเพื่อสร้างความได้เปรียบในปีหน้า หลังนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นอีกครั้ง

สำหรับราคาหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวขึ้นหรือลง ที่เราเห็นกันมักมีทั้งเหตุผลและอารมณ์ผสมปนเปกันไป หากหุ้นขึ้นในภาวะปกติก็จะเป็นเรื่องของภาพรวมของประเทศ หรือว่าธุรกิจอุตสาหกรรมนั้นๆเติบโตขึ้น เพราะทุกคนมองภาพบวกสวยงาม ดังนั้นทุกคนจึงพร้อมที่จะจ่ายราคาแพงขึ้น เพราะมองว่าอนาคตสดใส แพงก็ซื้อ ขึ้นก็ซื้อ ลงก็ซื้อ ทุกอย่างดูดีไปหมด แพงแล้วก็มีแพงอีก จะยอมซื้อแพงขึ้นไปเรื่อยๆ ในทางกลับกัน เวลาหุ้นลง ทุกคนจะมองในแง่ลบ และยิ่งมองแย่กว่าที่เป็นอีกเสียด้วย พอทุกคนมองแง่ลบไม่ดีกันหมด ก็จะเกิดการแย่งกันขาย ใครขายถูกกว่าก็ได้ขายก่อน และเมื่อทุกคนอยากขายกันหมดก็จะตั้งราคาขายถูกๆเอาไว้ ดังนั้นเมื่อคนส่วนมากคิดแบบนี้ ราคาหุ้นก็จะยิ่งตกมากกว่าปกติ และเมื่อยิ่งราคาตกมากๆจนไม่สนใจว่าจะขาดทุนแค่ไหนก็จะเริ่มจิตตกยอมขายขาดทุนเป็นจำนวนมากนั่นเอง

เพราะฉะนั้น ง่ายๆก็คือ หุ้นขึ้น ก็ขึ้นเพราะคนส่วนมากคิดบวกกับตลาดบวกกับหุ้น และยอมซื้อราคาแพง ส่วนคนขายก็ขายแพงได้ราคาก็ขึ้น แต่หุ้นลงก็กลับกัน คนส่วนมากคิดลบกับตลาดกับหุ้น ก็อยากรีบขาย ราคาไหนก็ขาย คนซื้อก็ต่อราคาได้สบายหุ้นก็ลง แต่ไม่ว่าจะขึ้นจะลง มันก็เป็นของมันมาแบบนี้มาตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นเราต้องมีสติและเหตุผล วิเคราะห์พิจารณาให้ดีว่าหุ้นขึ้นหุ้นลงเพราะอะไร เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น เกิดอะไรขึ้นกับภาพรวมของประเทศ และในระยะยาวจะเป็นอย่างไร หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบเพียงชั่วคราวเท่านั้นหรือไม่ หากเราพิจารณาไตร่ตรองตรงนี้ได้ ก็จะทำให้เราลดความเสียหายจากการลงทุนได้จากผลกระทบในเชิงลบ และจะเป็นโอกาสในการลงทุนหากปัจจัยเชิงลบที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบระยะยาวหรือทำให้พื้นฐานของหุ้นเปลี่ยนแปลงไปย่อมทำให้เราสร้างผลตอบแทนที่งดงามได้

ด้วยภาวะตลาดที่เป็นอยู่ในตอนนี้ หากจะลงทุนเก็งกำไรก็คงเล่นได้ในกรอบ ขึ้นก็ขายลงก็ซื้อ เล่นรอบจับจังหวะเข้าออกให้ถูกต้อง เพราะตลาดยังคงมีความผันผวนอยู่พอสมควรและที่สำคัญควรเลือกเก็งกำไรในหุ้นที่มีพื้นฐาน ไม่ใช่หุ้นสร้างหุ้นกระแส หุ้นเขาบอกมา ถ้าไม่มั่นใจก็แนะนำว่าให้อยู่เฉยๆ หากต้องการลงทุนอย่างแท้จริงเพื่อหวังผลตอบแทนคืนกลับก็เลือกหาหุ้นเป้าหมายแล้วตัดสินใจลงทุนก็ได้เช่นกัน เพราะเป้าหมายของตลาดหุ้นบ้านเรายังต้องไปได้อีกไกลครับ

เพราะการขับเคลื่อนของตลาดหุ้นล้วนต้องอาศัย ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นที่แท้จริงเป็นกำลังหลักสำคัญ รวมถึงปัจจัยกระทบทั้งข้อมูลข่าวสารในภาพรวม ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง ตลอดจนข่าวสาร เรื่องราวที่เป็นสาระสำคัญ ที่จะส่งผลกระทบต่อตัวธุรกิจของบริษัทฯที่เราเข้าไปลงทุนหรือสนใจที่จะลงทุน ให้เกิดการขับเคลื่อนไปในเชิงบวกหรือลบ ทั้งหลายทั้งปวงเป็นเรื่องที่เรานักสู้หุ้นที่พึงหวังสร้างความมั่งคั่ง จากตลาดหุ้นต้องให้ความสำคัญศึกษาและพิจารณาอย่างรอบคอบ ให้รู้แจ้งเห็นจริง ไม่อิงจินตนาการ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง


ชัจจ์ปัณฑ์