พอร์ตไหลเท่าไหร่ เอาคืนยากขึ้นเท่านั้น

กฎข้อที่ 1 ของวอร์เรนต์ บัฟเฟตต์ คือ ห้ามขาดทุน (Never lose money)
กฎข้อที่ 2 คือ อย่าลืมกฎข้อที่หนึ่ง (Never forget rule No.1)
ในที่นี้ไม่ใช่หมายความว่า จะขาดทุนโดยการ cut loss ไม่ได้ แต่หมายถึง “วันที่คุณเดินออกจากไปตลาด” คุณจะต้องไม่ขาดทุน
"หลักการ 2 – 3% RISK OF CAPITAL"
หมายความว่า “ทั้งหน้าจอ Streaming” คุณมีสิทธิปล่อยให้ขาดทุนได้ไม่เกิน 2 – 3% เท่านั้น
คิดเสมอว่า “เงินมีก้อนเดียว ห้ามเติม” ถ้าจะแก้พอร์ตก็วน ๆ แก้ในนั้นให้เรียบร้อย ไม่ควรเติมเงินเข้าไป
“ยิ่งเติมยิ่งขาดทุน” ถ้าคุณยังขาดทุนอยู่ คุณยิ่งหาเงินมาเติม คุณอาจยิ่งขาดทุนเพิ่ม เพราะบางทีคุณอาจจะขาด “ความรู้” ที่ถูกต้อง ถ้ามีเงินเท่านี้ยังขาดทุน เติมเข้าไปอีกก็เสี่ยงที่จะขาดทุน
“ถ้าเงินต้นเสียหายเยอะ” โอกาสหาทางเอาคืนยาก ลองดูในตาราง
เช่น ถ้าคุณขาดทุน 2% คุณเหลือเงิน 98% คุณต้องเอาเงินก้อนที่เหลือมาทำให้บวก 2.04% คุณถึงจะได้ “ต้นทุน” คืนมา
แต่ในทางกลับกัน ถ้าถลำลึกลงไปเรื่อย ๆเช่น ถ้าคุณขาดทุน 10% คุณเหลือเงิน 90% คุณต้องเอาเงินก้อนที่เหลือมาทำให้บวก 11.11% คุณถึงจะได้ “ต้นทุน” คืนมา
หรือถ้าคุณยิ่งปล่อยให้ขาดทุน 40% ความยากก็จะยิ่งเท่าทวีคูณ เพราะเงินที่เหลือ 60% จะต้องทำให้ได้ 66.67% จึงจะได้....."แค่ทุน" กลับคืนมา
ดังนั้น ถ้ายิ่งปล่อยให้พอร์ตไหล ขาดทุนไปเรื่อย ๆ โอกาสที่จะ “เอาทุนคืน” ก็ยากขึ้นไปเรื่อย ๆ
ดังนั้น ถ้ายิ่งปล่อยให้พอร์ตไหล ขาดทุนไปเรื่อย ๆ โอกาสที่จะ “เอาทุนคืน” ก็ยากขึ้นไปเรื่อย ๆ…ดังนั้นดีที่สุด อย่าปล่อยให้พอร์ตไหลแบบนี้ตั้งแต่แรก
ไม่ควรให้พอร์ตทั้งหมดติดลบเกิน 2 – 3% เพราะถ้ายิ่งถลำลึกเท่าไหร่ ยิ่งเอาเงินต้นคืนมายากขึ้นหลายเท่า
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก..