30 มีนาคม 2561 -- COMPANY QUICK NOTE: KTC : CNS
COMPANY QUICK NOTE:
KTC (NEUTRAL ,TP280) ราคาหุ้น KTC เพิ่มขึ้นกว่า +73% YTD และ +5% จากเมื่อวานก่อนหน้า มาปิด All Time High ที่ 322 บาท
- ราคาหุ้น KTC ปรับตัวขึ้นกว่า +73% YTD และ +5% จากเมื่อวานก่อนหน้า มาปิดที่ราคา All Time High ที่ 322 บาท ดีกว่า SET Index ที่เพิ่มขึ้น +1% และ SET bank Index ที่ลดลง -4% เราคาดว่าราคาหุ้น KTC ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า +73% YTD และ +5% จากเมื่อวานก่อนหน้า มาปิดที่ราคา All Time High ที่ 322 บาท เรามองว่ามาจาก 3 ปัจจัย ดังนี้
- 1) KTC เป็นหุ้นที่ปลอดภัยไม่มีความเสี่ยงจากมาตราฐานบัญชีใหม่ (IFRS9) จากความกังวลในเรื่องของการใช้มาตราฐานบัญชีใหม่ (IFRS9) ทำให้มีความกังวลในต่อผลการดำเนินงานในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพราะธนาคารพาณิชย์ต้องตั้งสำรองเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับตอนนี้ยังมีความไม่แน่ชัดในเกณฑ์การตั้งสำรองแบบใหม่ (IFRS9) ทำให้เรามองว่าหุ้น KTC ที่ได้รับผลกระทบจำกัด มีความน่าสนใจมากกว่าหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจาก KTC มีพอร์ตลูกหนี้เป็นหนี้ที่มีคุณภาพ เห็นได้จากในช่วงปี 2017 ที่ผ่านมา NPL อยู่ที่ 970 ล้านบาท ( -15% y-y ) และ NPL Ratio อยู่ในระดับต่ำมากที่ 1.32% ซึ่งลดลงจาก 1.66% ในปี 2016 ประกอบกับ KTC มีนโยบายการตั้งสำรองที่ conservative เป็นผลให้ coverage ratio อยู่ในระดับสูงที่ 588% ซึ่งเป็นระดับที่มีความปลอดภัยมาก และเพียงพอต่อการรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS9) แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองพิเศษเพิ่ม
- 2) แนวโน้มกำไรสุทธิใน 1Q18F เติบโตโดดเด่น y-y เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 1Q18F เพิ่มขึ้น y-y จากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ตามการขยายฐานลูกค้าสินเชื่อบุคคลซึ่งมีผลตอบแทนสูงโตดี และการควบคุม cost of funds ที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สามารถชดเชยการปรับลดเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิตลงเหลือ 18% จาก 20% ต่อปี ของ BOT ที่ได้รับผลผลกระทบเต็มไตรมาสได้บางส่วน ในส่วนของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิยังมีแนวโน้มเติบโตดี จากการเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าระดับบนของบัตรเครดิต ที่คาดจะช่วยเพิ่มรายได้ ค่าธรรมเนียมและบริการ และการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง ในขณะที่กำไรสุทธิอาจหดตัว q-q จากปัจจัยฤดูกาล
- 3) จากหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นในเรื่องการแตกพาร์หุ้น KTC ราคาหุ้น KTC ที่พุ่งทะลุ 300 บาท ทำให้มีประเด็นเรื่องการแตกพาร์ เพราะ สถาบัน-VI ไล่ซื้อจนสภาพคล่องเหลือน้อย เราได้สอบถามข้อมูลจากทางบริษัทเบื้องต้น ผู้บริหารยังไม่ได้ยืนยันในเรื่องของการแตกพาร์และหากผู้ถือหุ้นต้องการให้มีการแตกพาร์สามารถเสนอเข้ามาได้ ซึ่งเราได้ตรวจสอบมาแล้วยังไม่มีผู้ถือหุ้นคนใดเสนอการแตกพาร์เข้าในวาระการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 เมษายน 2018 ดังนั้นเรามองว่ายังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการแตกพาร์ ซึ่งอาจเกิดขึ้น หรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ ประเด็นนี้จึงอาจเป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้น แต่หากมีการแตกพาร์เกิดขึ้นจริง เรามองว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน